วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

[SF King #MarkJin (Cut Scene)




ริมฝีปากซึ่งเคยเอ่ยคำสั่งโหดเหี้ยมกลับหวานนุ่มยิ่งกว่าในจินตนาการ ยามมันทาบทับลงมาคล้ายรินเมรัยรสดีมอมเมาให้ต้วนอี้เอินกลับเป็นฝ่ายดูดชิมอย่างกระหาย ยิ่งมือขาวสร้างความวาบหวามด้านล่างจนความปรารถนาค่อยๆ ขยายตัวสู้มือ จุมพิตก็ยิ่งร้อนแรงราวกับจะแผดเผาให้ทั้งผิวหน้าผิวกายเห่อร้อน

เชลยผละจุมพิตออกมาอย่างแสนเสียดาย เขาจูบหนักๆ ไล่ลงมาตามลำคอระหง แต่ก็ต้องจิ๊ปากขัดใจเมื่อติดเสื้อไหมพรมปิดคอตัวหนา นิ้วเรียวปลดกระดุมสูทสีเทาเข้มแล้วถอดออกต่อด้วยเสื้อไหมพรมน่ารำคาญตัวนั้นจนท่อนบนขององค์ราชันย์ผู้ไม่ชอบเปิดเผยผิวเนื้อแก่สายตาผู้ใดเปลือยเปล่า

ผิวเนื้อเนียนขาวกระจ่างตา ชวนให้ใช้ลิ้นลากสัมผัสไปเสียทุกสัดส่วน

“ฮึก”

ร่างขาวกระตุกเล็กน้อยเมื่อเรียวลิ้นร้อนแตะลงบนแผ่นอก จุดไวสัมผัสบนนั้นถูกตวัดชิมสลับกับดูดดึงซ้ำๆ จนรู้สึกวูบวาบไปหมด เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากางเกงถูกคลายออกตอนไหน รู้อีกทีมือของอีกฝ่ายก็สอดเข้าไปในกางเกงด้านหลังและก้านนิ้วแข็งก็แทรกเข้ามาในกายแล้ว

“อึก...อื้อ”

อี้เอินใช้อีกมือที่ว่างจับมือจินยองที่ปลุกอารมณ์เขาแล้วเผลอหยุดไปให้กลับมาทำหน้าที่ต่อ จูบลึกซึ้งเริ่มขึ้นอีกครั้งราวกับจะแกล้งคนที่เริ่มหายใจติดขัด นิ้วที่สองถูกสอดเข้าไป ความคับแน่นจนหายใจไม่ทั่วท้องทำให้จินยองต้องผละออกมาหอบหายใจกับซอกคอคนขี้แกล้ง

จู่ๆ สองนิ้วนั้นก็ถอนออก อี้เอินผลักให้จินยองลุกขึ้นยืนแล้วก็ยืนตาม เขาถอดกางเกงที่เกะกะออกไปจากนั้นก็กลับลงไปนั่ง

“ไหนบอกจะทำให้พี่เป็นของเจ้า จะทำยังไงล่ะ”

สรรพนามที่ต้วนอี้เอินใช้ทำให้ราชันย์ผู้เย็นชาดุจน้ำแข็งอย่างเขาใจสั่นระรัว สายตาท้าทายกระตุ้นให้จินยองเปลื้องอาภรณ์ที่เหลือบนกายออกทั้งหมด เขาคุกเข่าลงกับพื้นราวกับยอมจำนน มือขาวประคองส่วนนั้นเอาไว้อย่างทะนุถนอม จูบที่ปลายเบาๆ แล้วช้อนตาขึ้นมอง จากนั้นก็รับมันเข้าไปในปาก

“อืม”

ใครจะคาดคิดว่าทักษะการใช้ปากปรนเปรอให้ผู้อื่นขององค์ราชันย์จะดีถึงเพียงนี้ จินยองรับมันเข้าไปจนสุดความยาวแล้วห่อปากรูดออก ทำซ้ำๆ ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเท่าที่จะทำได้ แต่ก็เหมือนจะยังไม่เร็วพอ เพราะในที่สุดอี้เอินก็ทนไม่ไหวจิกศีรษะทุยเอาไว้แล้วรัวสะโพกใส่จนอีกฝ่ายสำลัก

“อื้อๆๆ อึก แค่กๆ”

จินยองหอบหายใจ แต่เมื่อเห็นสายตาท้าทายของอีกฝ่าย เขาก็รู้ว่าตัวเองยังไปต่อได้อีก

ร่างขาวจัดปีนขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวคนอายุมากกว่าอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่มีกางเกงของทั้งคู่กั้นกลาง ส่วนที่ควรจะแทรกเข้าไปอยู่ในตัวของอีกคนจึงถูกจับแทรกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะค่อนข้างแน่นก็ตามที

“อื้อ อะ...”

จินยองผ่อนลมหายใจออก พยายามผ่อนคลายขณะที่ความร้อนแทรกลึกเข้าไปเรื่อยๆ

ใบหน้าหวานเหยเก คิ้วขมวดมุ่น ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาจนเขาต้องกัดฟันทน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ร้อง ต่อให้เจ็บจนน้ำตาร่วง ความหยิ่งทะนงของตัวเองก็ทำให้จินยองไม่ยอมเปล่งเสียงร้องออกมา

“อ๊า”

จินยองสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ สะโพกสอบก็ดันสวนขึ้นมาจนส่วนที่เชื่อมต่อนั้นเข้าไปลึกสุดทาง มือขาวที่เกาะไหล่กว้างนั้นกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เขาเจ็บ จุก แต่ไม่ยอมลงเล็บบนบ่าที่ยังมีเสื้อเชิ้ตผ้าลื่นเนื้อบางติดกระดุมครบถ้วน

มือเรียวเชยคางคนที่ก้มหน้างุดเพราะความเจ็บขึ้น อี้เอินจับมือที่ยังคงกำแน่นอยู่ด้านหลังตัวเองมากุมแล้วค่อยๆ นวด ค่อยๆ คลี่มือน้อยออก นิ้วโป้งลูบคลึงแผลบนอุ้งมือซึ่งโดนเล็บจิกลงไปอย่างทะนุถนอม จรดริมฝีปากลงบนบาดแผลแล้วจับมือนั้นมาวางบนบ่าของเขา ข้อนิ้วแข็งคลึงเบาๆ ที่แก้มนุ่ม แก้มนั้นชื้นเพราะหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยเจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าไหลออกมาเมื่อใด จินยองมองทุกการกระทำของเจ้าของตักแล้วก็รู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าว ทุกอย่างราวกับฝันไป

นี่คือท่านพี่ที่เขาปรารถนาครอบครองมาตลอดจริงๆ หรือ

“หากเจ้าพร้อมยึดครองพี่ดังคำว่า เจ้าทำได้ทุกเมื่อ ทำดังเจ้าปรารถนามาตลอด พี่เป็นเครื่องถวายแด่องค์ราชันย์เช่นเจ้าแล้ว ราชันย์พัคจินยอง...ราชันย์แห่งข้า”

หากนี่เป็นความฝัน เขาก็ขอเก็บเกี่ยวความรู้สึกทั้งมวลในห้วงเวลานี้เอาไว้

สองแขนวาดรอบลำคอแข็งแรง ริมฝีปากสีระเรื่อแต้มจุมพิตบนริมฝีปากบางคล้ายไม่แน่ใจ แตะเบาๆ ครั้งหนึ่ง ดูดดึงอีกครั้งหนึ่ง ครั้งที่สามจึงแนบสนิท ดำดิ่งสู่ความลุ่มหลงที่เขาไม่คิดถอนตัวขึ้นมาอีกต่อไป ขณะที่เรียวลิ้นกำลังตอบโต้กับเรียวลิ้นอีกฝ่าย สะโพกอิ่มก็เริ่มขยับเป็นจังหวะ เนิบช้า และเร่งเร้าขึ้น หนักหน่วงยิ่งขึ้น โซฟาตัวใหญ่แข็งแรงวางบนพรมนุ่ม แม้ขยับโถมน้ำหนักลงไปซ้ำๆ ก็ยังไม่เกิดเสียงใดๆ มีเพียงเสียงหอบหายใจดังสะท้อนอยู่ในห้องบรรทม

“ฮึก...แฮก...แฮก...อะ...ทะ...ท่านพี่”

สัมผัสร้อนชื้นที่แผ่นอกทำให้เขายิ่งรู้สึกซาบซ่าน ริมฝีปากที่ผละออกจากกันไปแล้วทำให้เสียงหอบหายใจและขานเรียกยิ่งเด่นชัด มือเรียวสวยที่จินยองอิจฉานักกำลังกอบกุมโอบล้อมตัวตนของเขาเช่นเดียวกับที่ตัวเขาบีบรัดตัวตนอีกฝ่าย

“จินยอง...อือ...”

อี้เอินไม่เร่งเร้า ไม่ออกคำสั่ง ดังคำที่เขาได้บอกคนอายุน้อยกว่าเอาไว้ว่าให้องค์ราชันย์ทำตามประสงค์ จินยองรู้สึกถึงอาการสั่นของเจ้าของตักจึงเร่งความเร็วขึ้นอีก ไม่นานก็รู้สึกสมองพร่าเลือน ความร้อนระเบิดออกมาจากตัวเขาและส่งจากตัวตนของอีกฝ่ายเข้าไปในตัวเขาจนร้อนวาบอยู่ข้างใน

จินยองกลืนน้ำลายบรรเทาอาการคอแห้ง ลมหายใจร้อนพ่นออกมาจากริมฝีปากอิ่มที่แนบอยู่ข้างลำคอชื้นเหงื่อ กลิ่นผิวเนื้ออีกฝ่ายชัดเจนในประสาทรับกลิ่น มันยังคงเจือกลิ่นสบู่อ่อนๆ สบู่ชนิดเดียวกับที่เขาใช้

อี้เอินจับตัวองค์ราชันย์ลุกขึ้นแล้วตนเองก็ลุกขึ้นตามเมื่อจังหวะหัวใจลดลง เชลยถอดเสื้อเชิ้ตชื้นเหงื่อบนกายทิ้งราวกับต้องการคลายความร้อน ทว่าเมื่อมองตาคมวาวนั้นแล้วจินยองก็รู้ว่าไม่ใช่ การกระทำนั้นคือสัญญาณเริ่มยกที่สองต่างหาก

จินยองเดินเข้าหาร่างซึ่งบัดนี้เปลือยเปล่าทัดเทียมกัน มือขาวทาบลงบนอกแน่นชื้นเหงื่อ จากนั้นก็ใช้ปลายลิ้นเล็มชิมตั้งแต่ต้นคอ ไล่ลงมาถึงจุดไวสัมผัสที่ใช้นิ้วสะกิดหยอกเบาๆ เอาไว้ก่อนแล้ว

“อืม...จินยอง”

เขาชอบให้องค์ชายต้วนกลายเป็นท่านพี่ของเขา และเรียกเขาด้วยชื่อเฉยๆ ไม่ใช่เรียกด้วยตำแหน่งที่แสนห่างเหิน

จูบลึกซึ้งเกิดขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้จินยองเป็นฝ่ายถูกดันถอยหลังไปเรื่อยๆ กระทั่งแผ่นหลังชนเข้ากับอะไรบางอย่าง เพราะมัวแต่ดื่มด่ำกับรสจูบเขาจึงเพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งที่พิงอยู่คือเสาเตียงเมื่อขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นให้เกี่ยวเอวสอบแล้วสอดส่วนที่ไม่ยอมสงบลงแม้จะปลดปล่อยไปแล้วเข้ามาพรวดเดียว

“อื้อ”

เอวสอบกระแทกย้ำเข้ามาหนักหน่วงจนแผ่นหลังไถลไปกับเสาเตียงซึ่งแกะสลักเอาไว้เป็นลวดลาย โชคดีที่ไม้เสาเตียงนั้นได้รับการลบเหลี่ยมและขัดมันอย่างดี ไม่อย่างนั้นแผ่นหลังขาวเนียนคงเป็นแผลไปเสียแล้ว

“อ๊ะ”

จินยองผวาคว้าคออีกฝ่ายไว้ด้วยสองมือเมื่อขาอีกข้างถูกยกขึ้นเกี่ยวเอวสอบ หลังที่ตอนนี้ถูกใช้เป็นตัวค้ำเอาไว้กับเสาเตียงถูไปมากับเสาตามจังหวะกระแทกกระทั้นจนเริ่มเจ็บ อี้เอินดูเหมือนจะรู้ แต่ก็ไม่ยอมยั้งแรงที่ขยับสะโพกกระแทกเข้ามาลงเลยสักนิด

“ทะ...ท่านพี่ ข้าเจ็บ อึก”

สะโพกสอบกระแทกเข้ามาลึกแล้วหยุด อี้เอินอุ้มร่างขาวที่เกาะเกี่ยวตัวเขาอยู่มาวางบนเตียง จับพลิกนอนคว่ำ จากนั้นก็ดึงสะโพกสวยเข้าหาตัว

จินยองกำผ้าปูที่นอนเตรียมรับการสอดใส่อีกครั้ง ทว่าก็ต้องแปลกใจเมื่อรู้สึกเหมือนริมฝีปากร้อนกำลังประทับลงบนแผ่นหลังเขาอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหันข้างฝังอยู่กับที่นอนครึ่งหนึ่งนั้นร้อนผ่าว ท่านพี่ของเขาค่อยๆ จูบไล่ไปตามร่องกลางแผ่นหลัง นิ้วเรียวลูบผิวเนื้อเบาๆ ตรงที่ถูไถไปกับเสาเตียงจนขึ้นรอยแดง

“ไม่เจ็บนะ เด็กดี”

กระบอกตาของเขาร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อคลอ ภาพท่านพี่แสนดีของเขากำลังเป่าแผลถลอกที่เข่าให้ตอนหกล้มริมลำธารนั้นฉายชัดในความทรงจำ ท่านพี่อี้เอินปลอบเขาด้วยคำพูดอ่อนโยนเช่นนี้ สัมผัสแผ่วเบาราวกับเขาเป็นน้องน้อยที่ต้องทะนุถนอมเช่นนี้
เรียวนิ้วลากไล่จากแผ่นหลังลงมาถึงสะโพก จินยองเสียววูบเมื่อนิ้วนั้นสัมผัสปากทางที่เลอะเทอะไปด้วยของเหลวขุ่นซึ่งอีกฝ่ายปลดปล่อยเอาไว้ข้างในแล้วไหลออกมา

“เจ้าอยากให้พี่เป็นท่านพี่ของเจ้า เจ้าก็ต้องเป็นเด็กดีของพี่”

สองนิ้วสอดเข้าไปด้านใน ใบหน้าหล่อโน้มมาฝังจมูกคมลงในแก้มนิ่มดังฟอด สบตาร่างข้างใต้แล้วก็หมุนนิ้วที่สอดอยู่ในความอุ่นร้อนคับแน่นเป็นวงกลม

“ฮื้อ อะ...อือ”

นิ้วที่สามตามเข้าไป เสียงเฉอะแฉะน่าอายทำให้ใบหน้าขาวแทบมุดจมไปกับเตียง จังหวะรัวเร็วทำให้จินยองต้องหันหน้าออกมาเผยอปากหอบหายใจ ทว่าเมื่อนิ้วนั้นถอนออกไปและแทนที่ด้วยสิ่งที่ร้อนระอุยิ่งกว่า เขาก็ค้นพบว่าอาการหายใจไม่ทันเป็นอย่างไร

“แฮก...อื้อออ”

ท่านี้ทำให้การสอดใส่ลึกกว่าเดิม โดนจุดที่ทำให้รู้สึกมากที่สุดอย่างจังจนจินยองร้องเสียงสูง อี้เอินถอนตัวออกเกือบสุดทางแล้วดันเข้ามาใหม่ให้ลึกที่สุด ย้ำซ้ำๆ ด้วยจังหวะที่เร็วจนจินยองกำผ้าปูที่นอนแน่นแทบจะทึ้งออกมาให้ขาด

“อ๊า อ๊ะๆๆ ท่านพี่ แฮก...ข้า...หะ...หายใจ...ฮึก...”

“อืม...จินยอง...ดีเหลือเกิน”

ใบหน้าขาวที่ร้อนจนเป็นสีชมพูระเรื่อไปทั้งหน้านั้นดูอ่อนแรง จุดไวต่อความรู้สึกถูกย้ำซ้ำๆ จนสมองเขาเบลอไปหมด ริมฝีปากอิ่มเผยอหอบหายใจ แม้แต่จะบอกอีกฝ่ายว่าตนหายใจไม่ทันก็ยังพูดได้ไม่ครบประโยคด้วยซ้ำเพราะมัวแต่ตักตวงเอาอากาศเข้าปอด

“เด็กดี”

เพียงเรียกขานด้วยน้ำเสียงหวานหูแล้วส่งนิ้วเรียวมาตรงหน้า จินยองก็อ้าปากรับนิ้วสองสามนิ้วนั้นเข้าไปอย่างรู้งาน เขาดูดเลียเท่าที่พอจะมีสติและเรี่ยวแรงเหลือ เมื่อมือเปียกลื่นนั้นผละออกไปกอบกุมบดคลึงส่วนหน้าของเขาให้เข้ากับจังหวะสอดใส่ด้านหลัง ไม่นานความร้อนก็ระเบิดออกมาจากร่างที่แดงไปทั้งตัวอีกครั้ง

“อ๊า”

จินยองสะท้าน ทว่าขณะที่ยังหอบหายใจก็ถูกจับพลิกนอนหงาย สายตาคมโลมเลียไปทั่วร่างของเขา ผมเผ้าที่เคยเซ็ตมาอย่างดียุ่งเหยิงชื้นเหงื่อ ผิวหน้าและผิวกายแดงก่ำไปหมด มือเรียวปาดของเหลวที่เขาเพิ่งปลดปล่อยออกมาจนเลอะเทอะส่วนอ่อนไหวขึ้นมาป้ายไปตามผิวกายร้อนผ่าวตั้งแต่ข้างแก้ม ลำคอ อก ลงมาถึงหน้าท้อง

“งดงามนัก เด็กดีของพี่”

ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้น ส่วนร้อนจัดจ่อที่ปากทางอีกครั้ง จากนั้นอี้เอินก็ค่อยๆ ดันกายเข้ามาช้าๆ ขณะที่ตาคมสานสบดวงตาของเขาไม่ละไปไหน ให้เขารู้สึกถึงความร้อนจัดที่แทรกเข้ามาในกายทีละนิด ทีละนิด รู้สึกถึงของเหลวที่อีกฝ่ายเคยปลดปล่อยเอาไว้ซึ่งล้นออกมาเมื่อส่วนนั้นแทรกเข้าไป รู้สึกกระทั่งการบีบรัดเป็นจังหวะของตัวเขาเอง รู้สึกไปจนถึงส่วนปลายที่กดลงตรงสุดทางให้ส่วนหน้าที่สงบไปแล้วของเขากระตุกขึ้นมาอีกครั้ง

ส่วนล่างแนบสนิทไร้ช่องว่างทำให้รู้สึกเขินอายขึ้นมาเสียอย่างนั้น จินยองเม้มปาก รู้สึกเจ็บนิดๆ เพราะปากแห้งจนแตก
อี้เอินโน้มลงจุมพิตริมฝีปากที่แตกเล็กน้อยนั้น คาวเลือดที่รับรสได้จากริมฝีปากกระตุ้นให้ส่วนที่ยังไม่ปลดปล่อยเหมือนจะขยายขึ้นอีกอย่างน่าประหลาด

“เป็นเด็กดีของพี่ไปจนสุดทางนะ จินยอง”

สิ้นคำ สะโพกสอบก็ขยับออกแล้วกระแทกเข้าไปช้าๆ สองสามครั้ง ก่อนจะเร่งจังหวะจนจินยองหน้านิ่วเม้มปากแน่น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังชัดเจนในห้องบรรทมเงียบสนิท ยิ่งร่างข้างใต้ครางเสียงสูง การขยับก็ยิ่งดูเหมือนจะรุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้น จินยองนอนนิ่งเป็นเด็กดีอย่างที่อีกฝ่ายต้องการแม้ว่าความรู้สึกตอนนี้ของเขาคือใกล้จะขาดใจเต็มที

เป็นเด็กดีไปจนสุดทาง นั่นคือสิ่งที่จินยองจะทำเพื่อให้พี่ชายคนนี้อยู่ในอ้อมกอดของเขาต่อไป

สะโพกสอบขยับรัวแรงจนผมดำขลับที่ไถไปกับเตียงนั้นยุ่งเหยิงไม่เหลือมาดราชันย์แห่งแคว้นแม้แต่น้อย ผ้าปูที่นอนยับย่น สติพร่าเลือน รู้สึกเพียงสัมผัสด้านล่างที่ย้ำเข้ามาสองสามครั้งสุดท้าย

“อา...จินยอง”

จินยองรู้สึกอุ่นวาบข้างใน ร่างโปร่งด้านบนกระตุกเกร็งแล้วทรุดลงทาบทับบนตัวเขา ใบหน้าหล่อเหลาฝังอยู่ที่ซอกคอขาว จินยองคลายมือออกจากผ้าปูที่นอนซึ่งขาดเล็กน้อยเพราะแรงดึง เขาทาบมือลงบนแผ่นหลังที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหอบหายใจ ดูเหมือนอี้เอินจะไม่คิดถอนตัวออก ซึ่งจินยองเองก็ไม่ต้องการให้ทำอย่างนั้น อย่างน้อยก็ในเวลานี้

“ท่านพี่...ท่านพี่ของจินยอง”

สติที่พร่าเลือนอยู่แล้วค่อยๆ จางหาย การดำดิ่งสู่นิทรารมณ์โดยมีท่านพี่อี้เอินในอ้อมกอดเช่นนี้คือสิ่งที่ราชันย์เช่นเขาปรารถนาเสมอมา ตั้งแต่วันที่ลั่นวาจาเอาไว้ริมฝั่งลำธารครั้งนั้น
.
.
กลับไปอ่านต่อ >> ที่นี่ <<

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

[OS] Friends with Benefits (BMark/MarkBeom)

Title : Friends with Benefits 
Pairing : Jaebum x Mark / Mark x Jaebum
Rating : NC-17
Warning : มีการสลับโพสิชั่นค่ะ 
Writer's Note : รู้สึกอยากเขียนบีมาร์คเพราะฉากที่ปลุกปล้ำ(?)กันบนเตียงในงานที่ญี่ปุ่นจนเห็นรอยสักไม้กางเขนที่น่องมาร์คนั่นแหละ  เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรหรอก เอ็นซีซะส่วนใหญ่ 55 enjoy reading!
ปูลู : สะดวกเม้นในนี้ก็ได้นะคะ หรือแฮชแท็ก #BMarkFWB ในทวิตก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากๆเลยน้า! 

คลิปที่มาของเรื่อง จากบ้าน matchpoint ค่ะ >> https://twitter.com/twitter/statuses/997493342995759105

..............


Friends with Benefits


“โอ๊ย ฮ่าๆๆๆ แจบอม นี่แน่ะ”


ท่อนขาเล็กเรียวแข็งแรงตวัดฟาดกลับมาหาตัวผมที่นอนข้างๆ โดยเอาครึ่งหนึ่งของลำตัวท่อนบนพาดอยู่บนตัวเขา แต่เพราะมือของผมยังทำหน้าที่จั๊กจี้เอวคอดบางอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าตัวหัวเราะพลางดิ้นพล่าน ขาที่ฟาดมาจึงเหมือนลูกจระเข้ฟาดหางมาเบาๆ มากกว่าจะเป็นแม่จระเข้ฟาดหางมาทำร้าย


ผมละมือหนึ่งมาจับขาเล็กเอาไว้เพื่อหวังจะให้สยบ แต่เจ้าของขาพยายามเบี่ยงหลบแล้วฟาดให้โดนตัวผมให้ได้ จังหวะที่กำลังจะคว้าจับผมจึงเห็นกางเกงนอนขายาวเลิกขึ้นเผยปลีน่องขาวเนียนที่มีรอยสักรูปไม้กางเขนอันโตพาดอยู่ชัดเจน

ทำไมรอยสักที่อยู่บนน่องของคนคนหนึ่ง ถึงทำให้อีกคนรู้สึกมีอารมณ์ได้นะ

ผมคว้ากลางน่องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ จากนั้นก็เลื่อนมือให้ขากางเกงเลิกขึ้นเผยไม้กางเขนเต็มอัน มือที่ตอนนี้เลื่อนมาอยู่ตรงข้อพับจับให้ขาเรียวเล็กพับขึ้นจนเข่าเกือบจรดอก ผมทาบลำตัวตามลงไป มืออีกข้างค้ำฟูกข้างตัวเขา จงใจลงน้ำหนักเฉพาะลำตัวท่อนล่างให้อะไรบางอย่างเสียดสีกันผ่านชุดนอนผ้าฝ้าย

ตาสบตา นัยน์ตาที่ยังมีน้ำตารื้นอยู่เพราะหัวเราะไม่หยุดอ่านความหมายในดวงตาของเพื่อนสนิทอย่างผมออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

ผมรู้ว่ามาร์ครู้

ที่จริง ตอนแรกที่ชวนหมอนี่มานอนที่บ้านผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าความสะดวกสำหรับงานพิธีปิดกีฬาสีพรุ่งนี้ บ้านผมอยู่ใกล้โรงเรียนจึงถูกใช้เป็นสถานที่ทำคัทเอาท์ เพื่อนๆ ฝ่ายอาร์ตรวมถึงมาร์คก็มาช่วยทำคัทเอาท์กันถึงค่ำมืดทุกวัน แต่มาร์คบ้านไกล ในเมื่อพรุ่งนี้ต้องช่วยยกคัทเอาท์ไปโรงเรียนกันตั้งแต่ตีสี่ผมจึงเสนอให้เพื่อนสนิทมานอนค้างด้วยกันเสียเลย

เมื่อครู่ตอนที่อาบน้ำเสร็จเตรียมจะนอนก็เริ่มจากคุยกันเล่นๆ เพราะยังไม่ง่วง ทำไปทำมาก็แกล้งฟัดไปตามเรื่องตามราว เจ้าหมอนี่ตัวผอมบางผิวเนียนไปทั้งตัว ยิ่งแกล้งจั๊กจี้ให้หัวเราะเสียงใสก็ยิ่งน่ามองน่าแกล้ง ยิ่งเอาปากกับจมูกและคางที่เริ่มมีไรหนวดนิดหน่อยถูผิวเนียนที่โผล่พ้นร่มผ้าออกมาแล้วมันขึ้นสีจัด ผมก็ยิ่งอยากจะทำอีก อยากจะทำแบบนี้กับผิวส่วนอื่นที่อยู่ใต้ร่มผ้าด้วย

ผมรู้ว่ามาร์ครู้

ท่าทางล่อแหลมที่มันเกิดขึ้นตอนนี้พร้อมกับอาการบางอย่างที่เกิดกับร่างกายผม...บางทีอาจรวมถึงอาการที่เกิดกับร่างเล็กๆ ที่อยู่ใต้ร่างผมตอนนี้ด้วย ทั้งหมดนี้มันจะนำพาไปสู่อะไร ผมรู้ดี และผมไม่อยากหยุด

ผมผละตัวเองออกมาเล็กน้อย เบี่ยงหน้าไปด้านข้างตรงที่ยังมีขาเล็กพาดบ่าตัวเองอยู่ แล้วอ้าปากงับไม้กางเขนบนน่องเนียนแรงๆ ทำทุกอย่างโดยที่ยังสบตากับมาร์ค พอเห็นการกระทำของผม มาร์คก็กัดปากคล้ายกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง

“สักตั้งแต่เมื่อไหร่”

ผมรู้แล้วว่าเขาสัก เพราะถึงปกติชุดนักเรียนจะเป็นกางเกงขายาวแต่ก็เคยเห็นรอยสักนี้ตอนไปเที่ยวทะเลด้วยกันกับเพื่อนในห้อง ตอนนั้นมาร์คพูดตัดบทคร่าวๆ ว่าสักตั้งแต่อยู่อเมริกา เขาเพิ่งย้ายมาอยู่เกาหลีตอน ม.ปลาย ผมจึงรู้แค่รอยสักนี้มีมาก่อน ม.ปลาย แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แน่

“สิบห้า”

เสียงที่ตอบผมพร่าเล็กน้อย น้ำเสียงกับความคิดที่ว่ามาร์คสักลายใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่อายุสิบห้ามันเร้าอารมณ์อย่างประหลาด

“เจ็บมั้ย” ว่าพลางงับไม้กางเขนอันเดิม ผมใช้ปากงับให้พอเจ็บ หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง

“เจ็บ...” สายตาคู่นั้นดูวาววามขึ้น
.
.
“...แต่ชอบ”

คำนั้นเหมือนเสียงปืนดังปังเป็นสัญญาณให้นักวิ่งออกวิ่ง ผมก้มลงซุกใบหน้าบนหน้าท้องแบนราบมีกล้ามเนื้อหน่อยๆ ซึ่งใช้มือเปิดเสื้อรอเอาไว้แล้ว กลิ่นสบู่จางๆ ชวนให้ขบผิวเนื้อเนียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่เสื้อนอนผ้าฝ้ายเป็นแบบติดกระดุมด้านหน้า แต่พอมันหลวมขนาดนี้ให้เลิกขึ้นไปกองที่อกแล้วลากจมูกกับปากตามขึ้นไปให้ถึงจุดไวสัมผัสบนนั้นน่าจะเร็วกว่า เสียงครางในลำคอดังขึ้นทันทีที่ผมแตะลิ้นถูกจุด ขณะที่กำลังย้ำซ้ำๆ จุดเดิม มือซึ่งว่างอยู่ก็เกี่ยวขอบกางเกงยางยืดลง

สะโพกเล็กยกขึ้นเล็กน้อยให้ผมดึงกางเกงเนื้อนิ่มออกไป ผมเคยเห็นมาร์คเปลือยท่อนบนแต่ไม่เคยเห็นเขาเปลือยท่อนล่างแบบนี้ ถึงอย่างนั้นคนที่นอนตาปรือปรอยผมเผ้ายุ่งเหยิงแถมยังมีสิ่งที่บ่งบอกอารมณ์ทางเพศตั้งเด่นขึ้นมาให้ผมมองด้วยสายตาหื่นกามก็ไม่ได้ดูเขินอายอะไร

“จะมองอย่างเดียวเหรอ ทำสิ”

ผมหัวเราะ แต่พอก้มลงกำลังจะใช้ปากทำมาร์คกลับรั้งบ่าของผมเอาไว้

“ใส่คอนดอมก่อน”

“แต่นี่จะใช้ปาก”

“ก็นั่นแหละ”

มาร์คยันกายขึ้น เขาเปิดลิ้นชักหัวเตียงแล้วก็หันมาถาม

“เก็บไว้ไหน คอนดอมน่ะ”

ผมส่ายหน้า

“ไม่ได้ซื้อไว้”

ก็บอกแล้วว่าไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนี้ ไม่เคยคิดมาก่อน แค่ฟัดกันไปฟัดกันมาแล้วมันอยากเท่านั้นเอง

“แปลว่าไม่มี?”

“อือ”

ผมโถมตัวลงไปให้ถึงเขาที่กระถดตัวไปอยู่ตรงหัวเตียง พูดคำว่า “ไม่เป็นไรหรอกน่า” แล้วก็ก้มลงจัดการกับส่วนนั้นของเขาทันทีแบบไม่ให้เถียงทัน มาร์คหลุดเสียงร้องเซ็กซี่ออกมาแทบจะทันที ใบหน้าเรียวเชิดขึ้นหอบหายใจ แถมสบถเสียงต่ำเป็นภาษาอังกฤษอย่างกับในหนังเอ็กซ์

ยิ่งห่อปากดูดแรงๆ มาร์คยิ่งครางชื่อผมด้วยเสียงแหบพร่า ขาเรียวชันขึ้นมาจิกฟูก พอจับเอวเขาเอาไว้เป็นหลักยึดแล้วถึงได้รู้สึกว่าเพื่อนสนิทผมมันเอวบางร่างน้อยขนาดไหน

ความอีโรติกของร่างที่ผมกำลังปรนนิบัติอยู่ทำให้กึ่งกลางลำตัวเริ่มจะปวดหนึบ ผมขยับศีรษะให้เร็วขึ้น ไม่สนใจเสียงสวบสาบน่าอาย สนใจแค่เสียงหอบหายใจปนครางอย่างไม่กลัวคนอื่นในบ้านจะได้ยินของมาร์ค ผมก็ไม่กลัว ในเมื่อไม่มีใครอื่นอยู่ในบ้านหลังนี้ ผมจึงยิ่งอยากให้เสียงครางของเขาปลุกอารมณ์ของผม

“อื้อ...อะ...”

ของเหลวอุ่นฉีดอยู่ในปาก ดีที่ตั้งรับทันก็เลยยังไม่ไหลลงคอ ผมรูดปากออกมาแล้วคายน้ำสีขุ่นคาวลงบนหน้าท้องแบนราบ

“ทะ...โทษที”

ผมเอาหลังมือปาดปากพลางส่ายหน้าให้คำขอโทษของเขา ถึงจะปลดปล่อยแล้วแต่ส่วนนั้นของเขายังไม่สงบ ผมมองมัน กำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อ

“จะลองเข้ามามั้ย หรือจะให้กูทำแบบเดียวกัน”

เขามองสิ่งที่ดันกางเกงนอนของผมจนปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ไม่รอคำตอบ เขาลุกขึ้นคลานมาหา ใช้มือลูบไล้มันผ่านกางเกงสองสามครั้งแล้วก็ดึงกางเกงของผมลง

เพราะปากของมาร์คเล็กหรือของผมใหญ่ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ตอนที่เขารับมันเข้าไปนั้นดูคับแน่นไปหมด มือเรียวสวยของเขาประคองส่วนฐานช่วยขยับครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งอยู่ในปาก ก่อนจะผละออกมาเพราะรู้สึกไม่ถนัด

“เมื่อกี้มึงทำยังไงนะ กูทำไม่เป็น ไม่เคยทำ”

ผมขำนิดๆ รู้สึกว่าเพื่อนผมมันซื่อๆ แบบนี้ก็น่ารักดี

“กูก็ไม่เคย ก็ลองมั่วๆ ดู จะทำไงก็ได้ แต่อย่าโดนฟัน”

น่าแปลกที่การ ลองมั่วๆ ดูของมาร์คจะทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้องขนาดนี้ เรียกว่าเก่งเลยก็ว่าได้ ผมแทบทรงตัวบนเตียงในท่ายืนเข่าอย่างเดิมไม่อยู่แล้ว มาร์คเองก็ดูจะเริ่มเมื่อย ผมจึงดันไหล่เล็กออก ผมนั่งลงแล้วก็จับให้คนตัวเล็กกว่านั่งบนตัก

บางทีอาจเพราะมือผมใหญ่ จึงจับทั้งของเขากับของผมรวบไว้ด้วยกันแล้วขยับมันพร้อมกันได้

“อึก...แจบอม”

ผมเพิ่งเห็นวันนี้แหละว่าใบหน้าที่ดูหล่อเหลานักหนาของมัน บางทีก็ดูสวยเซ็กซี่เหมือนกันเวลาซ่านไปด้วยอารมณ์อย่างตอนนี้

“จูบนะ”

ผมรอให้มาร์คพยักหน้าแล้วจึงเข้าไปเล็มชิมริมฝีปากนั้น ดูดเบาๆ สองสามครั้งก่อนจะเผยอปากสอดลิ้นเข้าไป เขาเองก็ดูจะเอาลิ้นมาเกี่ยวกับลิ้นผมอย่างกระหาย แม้จะบอกว่าไม่เคยทำ...อย่างน้อยก็กับผู้ชาย แต่คงจะมีประสบการณ์เรื่องจูบไม่น้อยสมัยอยู่อเมริกา

ไอร้อนผ่าวรินรดใบหน้าตอนที่ผละออกมา น้ำเสียงของมาร์คเซ็กซี่ขึ้นอีกตอนที่เอ่ยถาม

“จะลองเข้ามามั้ย”

“ได้เหรอ”

“อื้อ อยากลอง”

สิ้นเสียง ผมก็สอดนิ้วกลางเข้าปากมาร์ค เขาทำกับนิ้วของผมเหมือนที่ทำกับอวัยวะอีกส่วนเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด สีหน้าของเขาอีโรติคจนผมอยากกระแทกตัวเข้าไปเดี๋ยวนั้น แต่ก็ข่มใจเอาไว้แล้วสอดนิ้วชุ่มน้ำลายเข้าไปช้าๆ สวนทางกับความรีบร้อนในใจ

“อื้อ” มาร์คขมวดคิ้วมุ่น มือของเขาทำหน้าที่ขยับส่วนล่างแทนมือผมตั้งแต่ตอนจูบกันแล้ว ตอนนี้มันยิ่งขยับเร็วขึ้นเหมือนต้องการเบี่ยงเบนความสนใจออกจากความคับแน่นอีกที่หนึ่ง

พอเริ่มขยับอีกสองสามครั้งมาร์คก็ดูจะผ่อนคลายลง ผมเพิ่มจำนวนนิ้วไม่ให้เขารู้ตัว และพอพยายามส่งมันเข้าไปลึกขึ้นอีกนิด ร่างเล็กในอ้อมกอดก็กระตุกวูบ ใบหน้าเรียวซุกบนซอกคอชื้นเหงื่อของผม มือของเขาหยุดขยับตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“อ๊ะ...อึก...ฮึก...”

มาร์คสะท้านเป็นพักๆ พอกำลังคิดว่าจะเปลี่ยนจากนิ้วเป็นอย่างอื่นเลยดีหรือเปล่า เขาก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่ทำให้ความอดทนของผมขาดผึง

“ไม่ต้องกลัวกูเจ็บนะ บอกแล้วว่าชอบ”

สะโพกเล็กยกขึ้น พอจับอะไรให้เข้าที่ยังไม่ทันกดสะโพกลง ผมก็สวนสะโพกกระแทกขึ้นไปอย่างแรงจนมาร์คผวาเฮือก เขาซุกใบหน้าลงกับซอกคอของผม เกาะบ่าผมเอาไว้มันแล้วก็ร้องเสียงหลงคลอไปกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อถี่รัวรุนแรง

“เบา...แจบอม...อึก...แจบอม เดี๋ยว”

“ไหน...บอกว่า...ชอบไง”

ผมพูดพลางหอบหายใจ มาร์คทำหน้าเหมือนหายใจไม่ทันผมจึงหยุดพัก ปล่อยเขาลงไปนอนหอบบนเตียงไม่กี่วินาทีก่อนจะจับขาข้างที่มีรอยสักพับขึ้นสูงเหมือนท่าตอนที่ยังมีกางเกงนอนอยู่ครบ จากนั้นก็จัดการกระแทกเข้าไปอย่างเนิบช้าแต่หนักหน่วงลึกล้ำ

“อึก...อา...อา...แจ...บอม...”

“หืม ว่าไง”

“ฮื่อ”

มาร์คส่ายหน้า คงจะแค่เรียกชื่อไปตามอารมณ์ที่พุ่งสูง ไม่ได้คิดจะเรียกเพื่อจะบอกอะไร หรือไม่ก็อาจจะกำลังจุก เพราะผมว่าที่กระแทกเข้าไปมันก็ลึกพอสมควรเหมือนกัน

มาร์คครางฮือตอนที่ผมถอนตัวออกมา ร่างบางไร้เรี่ยวแรงเสียจนจับให้นอนคว่ำก็นอนคว่ำง่ายๆ จัดท่าจัดทางให้อย่างไรก็ได้จนผมรู้สึกเหมือนกำลังเล่นตุ๊กตา ตอนที่จับสะโพกเล็กให้โด่งขึ้นแล้วศีรษะทุยยังคงจมในหมอน ผมเห็นมาร์คหันหน้าออกมาหอบหายใจ ก็เลยไม่แน่ใจว่าเพื่อนจะไหวหรือเปล่า

“สุดท้ายแล้ว กูจะไม่ยั้งแล้วนะ มึงไหวมั้ย”

“ใส่...ใส่มา”

เท่านั้นแหละ ผมจึงจัดการรัวสะโพกให้ตามที่เพื่อนสั่ง ระหว่างนั้นก็กดจูบไปตามแผ่นหลังขาวเนียนลื่นมือที่เห็นแล้วอดใจไม่ไหว มีหยุดทำรอยบ้างสองสามรอย จากนั้นก็เป็นเสียงเนื้อกระทบเนื้อเข้าจังหวะกับเสียงหวีดร้องในหมอนของมาร์ค

“ปล่อยในได้มั้ย ไม่อยากให้ผ้าปูที่นอนเลอะ”

มาร์คหลับตาปี๋พยักหน้าเร็วๆ คงอยากด่าผมว่าใส่ไม่ยั้งขนาดนี้ยังจะมาถามอีก ที่จริงผมก็ลืมคิดไปว่าเมื่อกี้ตอนใช้ปากให้ผมคายสิ่งที่ฉีดเข้ามาในปากไว้บนตัวมาร์ค ตอนมาร์คลุกขึ้นมาก็คงหยดเลอะผ้าปูที่นอนไปแล้ว

“อา”

เสียงกลืนหายไปกับซอกคอด้านหลังของมาร์ค ตัวผมที่ยังสวมเสื้อนอนชุ่มเหงื่อนอนทับเพื่อนสนิทจนแทบหายใจไม่ออก พอนอนแบบนี้ มาร์คที่ตัวเล็กอยู่แล้วก็แทบจะกลืนหายไปกับอกและฟูกนุ่มๆ

“หายใจไม่ออก”

ผมถอนตัวออกมาอย่างระมัดระวัง แต่มาร์คที่มีของเหลวอุ่นของฝากจากผมอยู่ในตัวนั้นขยับอย่างระวังยิ่งกว่า เขานอนตะแคงกึ่งๆ เสื้อที่ถูกเลิกขึ้นไปสูงหลายครั้งคลี่ลงมาเหมือนเดิม แต่เพราะท่อนล่างไม่ได้ใส่อะไรจึงยังเห็นได้ชัดว่าส่วนที่ถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวยังไม่สงบลง

“กูขอลองด้วยได้มั้ย”

“หือ”

ผมเลิกคิ้ว ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจ แต่พอเห็นสายตาของมาร์คมองส่วนที่ยังไม่สงบของตัวเองสลับกับหน้าผมก็เริ่มเชื่อมโยงคำตอบได้ลางๆ

มาร์ครู้ว่าผมรู้

ด้วยเหตุนั้น ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม ผมก็แค่ไหวไหล่แล้วก็หันซ้ายหันขวา มาร์คลุกขึ้นมาแต่ผมยังทำท่าเก้ๆ กังๆ ในที่สุดก็ถามตรงๆ

“เอาท่าไหน”

“ท่าสุดท้ายเมื่อกี้ก็ได้”

ผมพยักหน้า พลิกตัวลงในท่าคลาน แต่แทนที่มาร์คจะมายืนเข่าเตรียมตัวอยู่ด้านหลังผมเขากลับคลานมามองหน้าอยู่สองวินาที พอส่งสายตาถาม เพื่อนสนิทก็จูบ

ดีพคิสแบบห้าวินาทีจบ จากนั้นก็อ้อมกลับไปจัดการทำสิ่งที่ต้องการจะ ลอง

“อึ้ก...”

ผมขมวดคิ้วจนเมื่อยหน้า รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายก็พยายามแล้วแต่ดันเข้ามาไม่ได้ แหงละ มาร์คมันไม่ได้เตรียมตัวอะไรให้ผมเลยนี่หว่า

“ไม่ไหว”

มาร์คถอนตัวออกมาทั้งที่ใส่เข้าไปได้แค่นิดเดียว ผมเห็นเขาก้าวเซๆ ลงจากเตียง เดินไปที่โต๊ะแล้วก็หยิบขวดโลชั่นมาบีบใส่มือ

“จะไหวถ้ามึงใช้นิ้วให้กูก่อน”

“ไม่”

คำปฏิเสธสั้นๆ ตามมาด้วยการดันส่วนนั้นเข้ามาอีกครั้ง ผมคิดว่าเขาก็น่าจะหน้าตาเหยเกพอๆ กับผม เพราะแม้จะดันเข้ามาได้รวดเดียวจนสุดเพราะความลื่นของโลชั่นที่ชโลมลงไป แต่ก็ทั้งแน่นและจุกสุดๆ

เขาแช่อยู่นิ่งๆ อย่างนั้นพักใหญ่ กระทั่งรู้สึกว่าพอไหวแล้วจึงค่อยขยับ

ผมรู้สึกแสบๆ แต่คิดว่าเป็นเพราะเขาเร่งความเร็วขึ้น และอีกอย่างผมก็เริ่มมีอารมณ์ร่วมไปด้วยแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่

กระทั่งเขาพูดขึ้นมาและชะงักไปนั่นแหละ

“มึงเลือดออก”

“เชี่ยมาร์ค หุบปาก แล้วทำให้เสร็จ”

จะพูดขึ้นมาทำไม

พอโดนผมด่าไปแบบนั้นไอ้เพื่อนสนิทก็เร่งความเร็วจนหน้าผมไถลไปกับหมอน ทั้งเจ็บทั้งแสบแต่ก็ไม่มีความคิดจะให้มันหยุดตอนนี้ ถ้าหยุดละก็ผมตัดเพื่อนกับมันแน่ นี่ยอมให้ทำก็ใจดีแค่ไหนแล้ว

พอเป็นผู้ถูกกระทำ ผมถึงได้รู้สึกว่าเสียงเนื้อกระทบเนื้อและเสียงเฉอะแฉะพวกนั้นมันฟังดูหยาบโลนแค่ไหน มาร์คจับให้ผมหันหน้าไปหาเพื่อจะจูบอีกครั้ง การจูบไปพร้อมเซ็กซ์นี่มันเป็นอะไรที่สุดยอด ผมก็เพิ่งจะรู้

กระทั่งร่างด้านหลังย้ำเข้ามาถี่ๆ ประมาณสิบครั้งสุดท้ายก่อนจะหยุดนิ่ง ร่างนั้นกระตุกนิดหน่อย ผมหลับตาซึมซับความรู้สึกอุ่นซ่านในตัว มาร์คไม่ได้ขอปล่อยในด้วยซ้ำ แต่ผมก็รู้ว่ามันจะทำแบบนั้นแต่แรกแล้ว

มาร์คหายใจกับซอกคอของผม ริมฝีปากนั้นพรมจูบต้นคอผมเบาๆ คล้ายจะปลอบประโลมก่อนจะค่อยๆ ถอนตัวออกมา เราไม่ได้รู้สึกต่อกันในแบบที่จะต้องมานอนกอดหลังเซ็กซ์เสร็จสิ้น ความร้อนและเหนอะหนะทำให้ต่างฝ่ายต่างนอนตะแคงเว้นระยะห่างจากกัน เมื่อหอบหายใจจนพอแล้วมาร์คก็กลืนน้ำลาย เลียริมฝีปากที่แห้งผากแล้วพูดอีกครั้ง

“มึงเลือดออก”

“รู้แล้ว”

“ขอโทษ”

“ฮื่อ ช่างเถอะ”

ผมโบกไม้โบกมือ ดูท่าเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เหลือนี้ถ้านอนคงจะทำให้ปวดหัวแน่ งั้นถึงไม่นอนก็อาจจะไม่ต่างกันเท่าไหร่

“ไปอาบน้ำก่อนนะ”

ผมพูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ หลังจากจัดการอาบน้ำและทำความสะอาดตัวเองหมดจดเรียบร้อยก็ออกมาพร้อมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่จะใส่ไปทำคัทเอาท์งานกีฬาสีพรุ่งนี้...ไม่สิ ต้องบอกว่าวันนี้แล้วละ ถึงจะปวดทั้งข้างบนข้างล่าง แต่คนทำงานมีแค่นี้จะให้เบี้ยวเพื่อนคนอื่นๆ ก็คงไม่ใช่ ผมเองก็เป็นเจ้าของบ้านด้วย ไหนๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้า แต่งตัวพร้อมไปโรงเรียนเสียเลยแล้วกัน

“มึงไปอาบน้ำ กูจะซักผ้าปูที่นอน”

มาร์คเดินเซๆ ลงมาจากเตียงอย่างว่าง่าย ผมโยนผ้าขนหนูให้เพื่อนแล้วก็กำชับอีกรอบ “ล้วงข้างในออกด้วย เดี๋ยวไม่สบาย”

“อือ”

คนตัวเล็กพยักหน้า ส่วนผมก็ดึงผ้าปูที่นอนที่มีทั้งคราบของเหลวขุ่นข้นกับคราบเลือดสองสามหยดของตัวเองออกมา สุดท้ายก็ต้องซักอยู่ดี ก็ดีเหมือนกัน ซักเสร็จก็คงได้เวลาขนคัทเอาท์ไปโรงเรียนพอดีนั่นแหละ

ผมซักผ้าปูที่นอนเสร็จก็หอบไปตากที่ระเบียง ที่จริงตากข้างล่างจะมีพื้นที่มากกว่า แต่เดี๋ยวพ่อกับแม่กลับมาจะสงสัยเอาได้ว่าทำไมลูกชายขยันซักผ้าปูที่นอนตอนนี้ แต่ถ้าตากที่ระเบียงห้องซึ่งหันหน้าออกไปหลังบ้านก็จะไม่มีใครสังเกต

ตอนที่กำลังจะหันหน้าเดินกลับเข้าห้องนั้นเอง จู่ๆ ก็ถูกจูบ

“อื้อ”

มาร์คผละออกมาเมื่อจูบจนพอใจ ฝ่ายนั้นยิ้มจนเห็นเขี้ยวน่ารัก แต่ผมกลับไม่สบายใจนิดหน่อย ที่จริงการ ลองของเราน่าจะจบแค่บนเตียง แต่นี่เขามาจูบผมตอนนี้อีก มันออกจะมากเกินไป

มาร์คคงจับความไม่สบายใจในสีหน้าและแววตาของผมได้ ฝ่ายนั้นเปลี่ยนจากยิ้มเป็นยู่ปากนิดหน่อย แล้วก็ถอนหายใจ

“อย่าคิดมากน่า ก็แค่สนุกๆ ไม่ใช่เหรอ มึงไม่ต้องห่วงหรอก กูแยกแยะได้”

ผมมองมือเรียวสวยที่ยกขึ้นมารอจับ

ชั่งใจอยู่หลายวินาที ก่อนจะได้ยินเสียงเพื่อนคนอื่นมากดกริ่งหน้าบ้าน ตีสี่แล้ว พวกนั้นมาช่วยขนคัทเอาท์แล้ว ตอนนี้คนที่หวั่นไหวทั้งที่ไม่ควรคือผมต่างหาก ผมควรเลิกฟุ้งซ่านตั้งแต่ตอนนี้

ผมจับกระชับมือเรียวนั้นแล้วดึงเข้าหาตัวในจังหวะเดียวกันกับเขา ไหล่กระแทกไหล่ ระหว่างเรายังคงเป็นเพื่อนสนิทกัน



ผมรู้กฎของ friends with benefits ดี




................EnD.................