วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

[SF King #MarkJin (Cut Scene)




ริมฝีปากซึ่งเคยเอ่ยคำสั่งโหดเหี้ยมกลับหวานนุ่มยิ่งกว่าในจินตนาการ ยามมันทาบทับลงมาคล้ายรินเมรัยรสดีมอมเมาให้ต้วนอี้เอินกลับเป็นฝ่ายดูดชิมอย่างกระหาย ยิ่งมือขาวสร้างความวาบหวามด้านล่างจนความปรารถนาค่อยๆ ขยายตัวสู้มือ จุมพิตก็ยิ่งร้อนแรงราวกับจะแผดเผาให้ทั้งผิวหน้าผิวกายเห่อร้อน

เชลยผละจุมพิตออกมาอย่างแสนเสียดาย เขาจูบหนักๆ ไล่ลงมาตามลำคอระหง แต่ก็ต้องจิ๊ปากขัดใจเมื่อติดเสื้อไหมพรมปิดคอตัวหนา นิ้วเรียวปลดกระดุมสูทสีเทาเข้มแล้วถอดออกต่อด้วยเสื้อไหมพรมน่ารำคาญตัวนั้นจนท่อนบนขององค์ราชันย์ผู้ไม่ชอบเปิดเผยผิวเนื้อแก่สายตาผู้ใดเปลือยเปล่า

ผิวเนื้อเนียนขาวกระจ่างตา ชวนให้ใช้ลิ้นลากสัมผัสไปเสียทุกสัดส่วน

“ฮึก”

ร่างขาวกระตุกเล็กน้อยเมื่อเรียวลิ้นร้อนแตะลงบนแผ่นอก จุดไวสัมผัสบนนั้นถูกตวัดชิมสลับกับดูดดึงซ้ำๆ จนรู้สึกวูบวาบไปหมด เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากางเกงถูกคลายออกตอนไหน รู้อีกทีมือของอีกฝ่ายก็สอดเข้าไปในกางเกงด้านหลังและก้านนิ้วแข็งก็แทรกเข้ามาในกายแล้ว

“อึก...อื้อ”

อี้เอินใช้อีกมือที่ว่างจับมือจินยองที่ปลุกอารมณ์เขาแล้วเผลอหยุดไปให้กลับมาทำหน้าที่ต่อ จูบลึกซึ้งเริ่มขึ้นอีกครั้งราวกับจะแกล้งคนที่เริ่มหายใจติดขัด นิ้วที่สองถูกสอดเข้าไป ความคับแน่นจนหายใจไม่ทั่วท้องทำให้จินยองต้องผละออกมาหอบหายใจกับซอกคอคนขี้แกล้ง

จู่ๆ สองนิ้วนั้นก็ถอนออก อี้เอินผลักให้จินยองลุกขึ้นยืนแล้วก็ยืนตาม เขาถอดกางเกงที่เกะกะออกไปจากนั้นก็กลับลงไปนั่ง

“ไหนบอกจะทำให้พี่เป็นของเจ้า จะทำยังไงล่ะ”

สรรพนามที่ต้วนอี้เอินใช้ทำให้ราชันย์ผู้เย็นชาดุจน้ำแข็งอย่างเขาใจสั่นระรัว สายตาท้าทายกระตุ้นให้จินยองเปลื้องอาภรณ์ที่เหลือบนกายออกทั้งหมด เขาคุกเข่าลงกับพื้นราวกับยอมจำนน มือขาวประคองส่วนนั้นเอาไว้อย่างทะนุถนอม จูบที่ปลายเบาๆ แล้วช้อนตาขึ้นมอง จากนั้นก็รับมันเข้าไปในปาก

“อืม”

ใครจะคาดคิดว่าทักษะการใช้ปากปรนเปรอให้ผู้อื่นขององค์ราชันย์จะดีถึงเพียงนี้ จินยองรับมันเข้าไปจนสุดความยาวแล้วห่อปากรูดออก ทำซ้ำๆ ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเท่าที่จะทำได้ แต่ก็เหมือนจะยังไม่เร็วพอ เพราะในที่สุดอี้เอินก็ทนไม่ไหวจิกศีรษะทุยเอาไว้แล้วรัวสะโพกใส่จนอีกฝ่ายสำลัก

“อื้อๆๆ อึก แค่กๆ”

จินยองหอบหายใจ แต่เมื่อเห็นสายตาท้าทายของอีกฝ่าย เขาก็รู้ว่าตัวเองยังไปต่อได้อีก

ร่างขาวจัดปีนขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวคนอายุมากกว่าอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่มีกางเกงของทั้งคู่กั้นกลาง ส่วนที่ควรจะแทรกเข้าไปอยู่ในตัวของอีกคนจึงถูกจับแทรกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะค่อนข้างแน่นก็ตามที

“อื้อ อะ...”

จินยองผ่อนลมหายใจออก พยายามผ่อนคลายขณะที่ความร้อนแทรกลึกเข้าไปเรื่อยๆ

ใบหน้าหวานเหยเก คิ้วขมวดมุ่น ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาจนเขาต้องกัดฟันทน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ร้อง ต่อให้เจ็บจนน้ำตาร่วง ความหยิ่งทะนงของตัวเองก็ทำให้จินยองไม่ยอมเปล่งเสียงร้องออกมา

“อ๊า”

จินยองสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ สะโพกสอบก็ดันสวนขึ้นมาจนส่วนที่เชื่อมต่อนั้นเข้าไปลึกสุดทาง มือขาวที่เกาะไหล่กว้างนั้นกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เขาเจ็บ จุก แต่ไม่ยอมลงเล็บบนบ่าที่ยังมีเสื้อเชิ้ตผ้าลื่นเนื้อบางติดกระดุมครบถ้วน

มือเรียวเชยคางคนที่ก้มหน้างุดเพราะความเจ็บขึ้น อี้เอินจับมือที่ยังคงกำแน่นอยู่ด้านหลังตัวเองมากุมแล้วค่อยๆ นวด ค่อยๆ คลี่มือน้อยออก นิ้วโป้งลูบคลึงแผลบนอุ้งมือซึ่งโดนเล็บจิกลงไปอย่างทะนุถนอม จรดริมฝีปากลงบนบาดแผลแล้วจับมือนั้นมาวางบนบ่าของเขา ข้อนิ้วแข็งคลึงเบาๆ ที่แก้มนุ่ม แก้มนั้นชื้นเพราะหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยเจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าไหลออกมาเมื่อใด จินยองมองทุกการกระทำของเจ้าของตักแล้วก็รู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าว ทุกอย่างราวกับฝันไป

นี่คือท่านพี่ที่เขาปรารถนาครอบครองมาตลอดจริงๆ หรือ

“หากเจ้าพร้อมยึดครองพี่ดังคำว่า เจ้าทำได้ทุกเมื่อ ทำดังเจ้าปรารถนามาตลอด พี่เป็นเครื่องถวายแด่องค์ราชันย์เช่นเจ้าแล้ว ราชันย์พัคจินยอง...ราชันย์แห่งข้า”

หากนี่เป็นความฝัน เขาก็ขอเก็บเกี่ยวความรู้สึกทั้งมวลในห้วงเวลานี้เอาไว้

สองแขนวาดรอบลำคอแข็งแรง ริมฝีปากสีระเรื่อแต้มจุมพิตบนริมฝีปากบางคล้ายไม่แน่ใจ แตะเบาๆ ครั้งหนึ่ง ดูดดึงอีกครั้งหนึ่ง ครั้งที่สามจึงแนบสนิท ดำดิ่งสู่ความลุ่มหลงที่เขาไม่คิดถอนตัวขึ้นมาอีกต่อไป ขณะที่เรียวลิ้นกำลังตอบโต้กับเรียวลิ้นอีกฝ่าย สะโพกอิ่มก็เริ่มขยับเป็นจังหวะ เนิบช้า และเร่งเร้าขึ้น หนักหน่วงยิ่งขึ้น โซฟาตัวใหญ่แข็งแรงวางบนพรมนุ่ม แม้ขยับโถมน้ำหนักลงไปซ้ำๆ ก็ยังไม่เกิดเสียงใดๆ มีเพียงเสียงหอบหายใจดังสะท้อนอยู่ในห้องบรรทม

“ฮึก...แฮก...แฮก...อะ...ทะ...ท่านพี่”

สัมผัสร้อนชื้นที่แผ่นอกทำให้เขายิ่งรู้สึกซาบซ่าน ริมฝีปากที่ผละออกจากกันไปแล้วทำให้เสียงหอบหายใจและขานเรียกยิ่งเด่นชัด มือเรียวสวยที่จินยองอิจฉานักกำลังกอบกุมโอบล้อมตัวตนของเขาเช่นเดียวกับที่ตัวเขาบีบรัดตัวตนอีกฝ่าย

“จินยอง...อือ...”

อี้เอินไม่เร่งเร้า ไม่ออกคำสั่ง ดังคำที่เขาได้บอกคนอายุน้อยกว่าเอาไว้ว่าให้องค์ราชันย์ทำตามประสงค์ จินยองรู้สึกถึงอาการสั่นของเจ้าของตักจึงเร่งความเร็วขึ้นอีก ไม่นานก็รู้สึกสมองพร่าเลือน ความร้อนระเบิดออกมาจากตัวเขาและส่งจากตัวตนของอีกฝ่ายเข้าไปในตัวเขาจนร้อนวาบอยู่ข้างใน

จินยองกลืนน้ำลายบรรเทาอาการคอแห้ง ลมหายใจร้อนพ่นออกมาจากริมฝีปากอิ่มที่แนบอยู่ข้างลำคอชื้นเหงื่อ กลิ่นผิวเนื้ออีกฝ่ายชัดเจนในประสาทรับกลิ่น มันยังคงเจือกลิ่นสบู่อ่อนๆ สบู่ชนิดเดียวกับที่เขาใช้

อี้เอินจับตัวองค์ราชันย์ลุกขึ้นแล้วตนเองก็ลุกขึ้นตามเมื่อจังหวะหัวใจลดลง เชลยถอดเสื้อเชิ้ตชื้นเหงื่อบนกายทิ้งราวกับต้องการคลายความร้อน ทว่าเมื่อมองตาคมวาวนั้นแล้วจินยองก็รู้ว่าไม่ใช่ การกระทำนั้นคือสัญญาณเริ่มยกที่สองต่างหาก

จินยองเดินเข้าหาร่างซึ่งบัดนี้เปลือยเปล่าทัดเทียมกัน มือขาวทาบลงบนอกแน่นชื้นเหงื่อ จากนั้นก็ใช้ปลายลิ้นเล็มชิมตั้งแต่ต้นคอ ไล่ลงมาถึงจุดไวสัมผัสที่ใช้นิ้วสะกิดหยอกเบาๆ เอาไว้ก่อนแล้ว

“อืม...จินยอง”

เขาชอบให้องค์ชายต้วนกลายเป็นท่านพี่ของเขา และเรียกเขาด้วยชื่อเฉยๆ ไม่ใช่เรียกด้วยตำแหน่งที่แสนห่างเหิน

จูบลึกซึ้งเกิดขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้จินยองเป็นฝ่ายถูกดันถอยหลังไปเรื่อยๆ กระทั่งแผ่นหลังชนเข้ากับอะไรบางอย่าง เพราะมัวแต่ดื่มด่ำกับรสจูบเขาจึงเพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งที่พิงอยู่คือเสาเตียงเมื่อขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นให้เกี่ยวเอวสอบแล้วสอดส่วนที่ไม่ยอมสงบลงแม้จะปลดปล่อยไปแล้วเข้ามาพรวดเดียว

“อื้อ”

เอวสอบกระแทกย้ำเข้ามาหนักหน่วงจนแผ่นหลังไถลไปกับเสาเตียงซึ่งแกะสลักเอาไว้เป็นลวดลาย โชคดีที่ไม้เสาเตียงนั้นได้รับการลบเหลี่ยมและขัดมันอย่างดี ไม่อย่างนั้นแผ่นหลังขาวเนียนคงเป็นแผลไปเสียแล้ว

“อ๊ะ”

จินยองผวาคว้าคออีกฝ่ายไว้ด้วยสองมือเมื่อขาอีกข้างถูกยกขึ้นเกี่ยวเอวสอบ หลังที่ตอนนี้ถูกใช้เป็นตัวค้ำเอาไว้กับเสาเตียงถูไปมากับเสาตามจังหวะกระแทกกระทั้นจนเริ่มเจ็บ อี้เอินดูเหมือนจะรู้ แต่ก็ไม่ยอมยั้งแรงที่ขยับสะโพกกระแทกเข้ามาลงเลยสักนิด

“ทะ...ท่านพี่ ข้าเจ็บ อึก”

สะโพกสอบกระแทกเข้ามาลึกแล้วหยุด อี้เอินอุ้มร่างขาวที่เกาะเกี่ยวตัวเขาอยู่มาวางบนเตียง จับพลิกนอนคว่ำ จากนั้นก็ดึงสะโพกสวยเข้าหาตัว

จินยองกำผ้าปูที่นอนเตรียมรับการสอดใส่อีกครั้ง ทว่าก็ต้องแปลกใจเมื่อรู้สึกเหมือนริมฝีปากร้อนกำลังประทับลงบนแผ่นหลังเขาอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหันข้างฝังอยู่กับที่นอนครึ่งหนึ่งนั้นร้อนผ่าว ท่านพี่ของเขาค่อยๆ จูบไล่ไปตามร่องกลางแผ่นหลัง นิ้วเรียวลูบผิวเนื้อเบาๆ ตรงที่ถูไถไปกับเสาเตียงจนขึ้นรอยแดง

“ไม่เจ็บนะ เด็กดี”

กระบอกตาของเขาร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อคลอ ภาพท่านพี่แสนดีของเขากำลังเป่าแผลถลอกที่เข่าให้ตอนหกล้มริมลำธารนั้นฉายชัดในความทรงจำ ท่านพี่อี้เอินปลอบเขาด้วยคำพูดอ่อนโยนเช่นนี้ สัมผัสแผ่วเบาราวกับเขาเป็นน้องน้อยที่ต้องทะนุถนอมเช่นนี้
เรียวนิ้วลากไล่จากแผ่นหลังลงมาถึงสะโพก จินยองเสียววูบเมื่อนิ้วนั้นสัมผัสปากทางที่เลอะเทอะไปด้วยของเหลวขุ่นซึ่งอีกฝ่ายปลดปล่อยเอาไว้ข้างในแล้วไหลออกมา

“เจ้าอยากให้พี่เป็นท่านพี่ของเจ้า เจ้าก็ต้องเป็นเด็กดีของพี่”

สองนิ้วสอดเข้าไปด้านใน ใบหน้าหล่อโน้มมาฝังจมูกคมลงในแก้มนิ่มดังฟอด สบตาร่างข้างใต้แล้วก็หมุนนิ้วที่สอดอยู่ในความอุ่นร้อนคับแน่นเป็นวงกลม

“ฮื้อ อะ...อือ”

นิ้วที่สามตามเข้าไป เสียงเฉอะแฉะน่าอายทำให้ใบหน้าขาวแทบมุดจมไปกับเตียง จังหวะรัวเร็วทำให้จินยองต้องหันหน้าออกมาเผยอปากหอบหายใจ ทว่าเมื่อนิ้วนั้นถอนออกไปและแทนที่ด้วยสิ่งที่ร้อนระอุยิ่งกว่า เขาก็ค้นพบว่าอาการหายใจไม่ทันเป็นอย่างไร

“แฮก...อื้อออ”

ท่านี้ทำให้การสอดใส่ลึกกว่าเดิม โดนจุดที่ทำให้รู้สึกมากที่สุดอย่างจังจนจินยองร้องเสียงสูง อี้เอินถอนตัวออกเกือบสุดทางแล้วดันเข้ามาใหม่ให้ลึกที่สุด ย้ำซ้ำๆ ด้วยจังหวะที่เร็วจนจินยองกำผ้าปูที่นอนแน่นแทบจะทึ้งออกมาให้ขาด

“อ๊า อ๊ะๆๆ ท่านพี่ แฮก...ข้า...หะ...หายใจ...ฮึก...”

“อืม...จินยอง...ดีเหลือเกิน”

ใบหน้าขาวที่ร้อนจนเป็นสีชมพูระเรื่อไปทั้งหน้านั้นดูอ่อนแรง จุดไวต่อความรู้สึกถูกย้ำซ้ำๆ จนสมองเขาเบลอไปหมด ริมฝีปากอิ่มเผยอหอบหายใจ แม้แต่จะบอกอีกฝ่ายว่าตนหายใจไม่ทันก็ยังพูดได้ไม่ครบประโยคด้วยซ้ำเพราะมัวแต่ตักตวงเอาอากาศเข้าปอด

“เด็กดี”

เพียงเรียกขานด้วยน้ำเสียงหวานหูแล้วส่งนิ้วเรียวมาตรงหน้า จินยองก็อ้าปากรับนิ้วสองสามนิ้วนั้นเข้าไปอย่างรู้งาน เขาดูดเลียเท่าที่พอจะมีสติและเรี่ยวแรงเหลือ เมื่อมือเปียกลื่นนั้นผละออกไปกอบกุมบดคลึงส่วนหน้าของเขาให้เข้ากับจังหวะสอดใส่ด้านหลัง ไม่นานความร้อนก็ระเบิดออกมาจากร่างที่แดงไปทั้งตัวอีกครั้ง

“อ๊า”

จินยองสะท้าน ทว่าขณะที่ยังหอบหายใจก็ถูกจับพลิกนอนหงาย สายตาคมโลมเลียไปทั่วร่างของเขา ผมเผ้าที่เคยเซ็ตมาอย่างดียุ่งเหยิงชื้นเหงื่อ ผิวหน้าและผิวกายแดงก่ำไปหมด มือเรียวปาดของเหลวที่เขาเพิ่งปลดปล่อยออกมาจนเลอะเทอะส่วนอ่อนไหวขึ้นมาป้ายไปตามผิวกายร้อนผ่าวตั้งแต่ข้างแก้ม ลำคอ อก ลงมาถึงหน้าท้อง

“งดงามนัก เด็กดีของพี่”

ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้น ส่วนร้อนจัดจ่อที่ปากทางอีกครั้ง จากนั้นอี้เอินก็ค่อยๆ ดันกายเข้ามาช้าๆ ขณะที่ตาคมสานสบดวงตาของเขาไม่ละไปไหน ให้เขารู้สึกถึงความร้อนจัดที่แทรกเข้ามาในกายทีละนิด ทีละนิด รู้สึกถึงของเหลวที่อีกฝ่ายเคยปลดปล่อยเอาไว้ซึ่งล้นออกมาเมื่อส่วนนั้นแทรกเข้าไป รู้สึกกระทั่งการบีบรัดเป็นจังหวะของตัวเขาเอง รู้สึกไปจนถึงส่วนปลายที่กดลงตรงสุดทางให้ส่วนหน้าที่สงบไปแล้วของเขากระตุกขึ้นมาอีกครั้ง

ส่วนล่างแนบสนิทไร้ช่องว่างทำให้รู้สึกเขินอายขึ้นมาเสียอย่างนั้น จินยองเม้มปาก รู้สึกเจ็บนิดๆ เพราะปากแห้งจนแตก
อี้เอินโน้มลงจุมพิตริมฝีปากที่แตกเล็กน้อยนั้น คาวเลือดที่รับรสได้จากริมฝีปากกระตุ้นให้ส่วนที่ยังไม่ปลดปล่อยเหมือนจะขยายขึ้นอีกอย่างน่าประหลาด

“เป็นเด็กดีของพี่ไปจนสุดทางนะ จินยอง”

สิ้นคำ สะโพกสอบก็ขยับออกแล้วกระแทกเข้าไปช้าๆ สองสามครั้ง ก่อนจะเร่งจังหวะจนจินยองหน้านิ่วเม้มปากแน่น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังชัดเจนในห้องบรรทมเงียบสนิท ยิ่งร่างข้างใต้ครางเสียงสูง การขยับก็ยิ่งดูเหมือนจะรุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้น จินยองนอนนิ่งเป็นเด็กดีอย่างที่อีกฝ่ายต้องการแม้ว่าความรู้สึกตอนนี้ของเขาคือใกล้จะขาดใจเต็มที

เป็นเด็กดีไปจนสุดทาง นั่นคือสิ่งที่จินยองจะทำเพื่อให้พี่ชายคนนี้อยู่ในอ้อมกอดของเขาต่อไป

สะโพกสอบขยับรัวแรงจนผมดำขลับที่ไถไปกับเตียงนั้นยุ่งเหยิงไม่เหลือมาดราชันย์แห่งแคว้นแม้แต่น้อย ผ้าปูที่นอนยับย่น สติพร่าเลือน รู้สึกเพียงสัมผัสด้านล่างที่ย้ำเข้ามาสองสามครั้งสุดท้าย

“อา...จินยอง”

จินยองรู้สึกอุ่นวาบข้างใน ร่างโปร่งด้านบนกระตุกเกร็งแล้วทรุดลงทาบทับบนตัวเขา ใบหน้าหล่อเหลาฝังอยู่ที่ซอกคอขาว จินยองคลายมือออกจากผ้าปูที่นอนซึ่งขาดเล็กน้อยเพราะแรงดึง เขาทาบมือลงบนแผ่นหลังที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหอบหายใจ ดูเหมือนอี้เอินจะไม่คิดถอนตัวออก ซึ่งจินยองเองก็ไม่ต้องการให้ทำอย่างนั้น อย่างน้อยก็ในเวลานี้

“ท่านพี่...ท่านพี่ของจินยอง”

สติที่พร่าเลือนอยู่แล้วค่อยๆ จางหาย การดำดิ่งสู่นิทรารมณ์โดยมีท่านพี่อี้เอินในอ้อมกอดเช่นนี้คือสิ่งที่ราชันย์เช่นเขาปรารถนาเสมอมา ตั้งแต่วันที่ลั่นวาจาเอาไว้ริมฝั่งลำธารครั้งนั้น
.
.
กลับไปอ่านต่อ >> ที่นี่ <<

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น