วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

[OS] Friends with Benefits (BMark/MarkBeom)

Title : Friends with Benefits 
Pairing : Jaebum x Mark / Mark x Jaebum
Rating : NC-17
Warning : มีการสลับโพสิชั่นค่ะ 
Writer's Note : รู้สึกอยากเขียนบีมาร์คเพราะฉากที่ปลุกปล้ำ(?)กันบนเตียงในงานที่ญี่ปุ่นจนเห็นรอยสักไม้กางเขนที่น่องมาร์คนั่นแหละ  เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรหรอก เอ็นซีซะส่วนใหญ่ 55 enjoy reading!
ปูลู : สะดวกเม้นในนี้ก็ได้นะคะ หรือแฮชแท็ก #BMarkFWB ในทวิตก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากๆเลยน้า! 

คลิปที่มาของเรื่อง จากบ้าน matchpoint ค่ะ >> https://twitter.com/twitter/statuses/997493342995759105

..............


Friends with Benefits


“โอ๊ย ฮ่าๆๆๆ แจบอม นี่แน่ะ”


ท่อนขาเล็กเรียวแข็งแรงตวัดฟาดกลับมาหาตัวผมที่นอนข้างๆ โดยเอาครึ่งหนึ่งของลำตัวท่อนบนพาดอยู่บนตัวเขา แต่เพราะมือของผมยังทำหน้าที่จั๊กจี้เอวคอดบางอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าตัวหัวเราะพลางดิ้นพล่าน ขาที่ฟาดมาจึงเหมือนลูกจระเข้ฟาดหางมาเบาๆ มากกว่าจะเป็นแม่จระเข้ฟาดหางมาทำร้าย


ผมละมือหนึ่งมาจับขาเล็กเอาไว้เพื่อหวังจะให้สยบ แต่เจ้าของขาพยายามเบี่ยงหลบแล้วฟาดให้โดนตัวผมให้ได้ จังหวะที่กำลังจะคว้าจับผมจึงเห็นกางเกงนอนขายาวเลิกขึ้นเผยปลีน่องขาวเนียนที่มีรอยสักรูปไม้กางเขนอันโตพาดอยู่ชัดเจน

ทำไมรอยสักที่อยู่บนน่องของคนคนหนึ่ง ถึงทำให้อีกคนรู้สึกมีอารมณ์ได้นะ

ผมคว้ากลางน่องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ จากนั้นก็เลื่อนมือให้ขากางเกงเลิกขึ้นเผยไม้กางเขนเต็มอัน มือที่ตอนนี้เลื่อนมาอยู่ตรงข้อพับจับให้ขาเรียวเล็กพับขึ้นจนเข่าเกือบจรดอก ผมทาบลำตัวตามลงไป มืออีกข้างค้ำฟูกข้างตัวเขา จงใจลงน้ำหนักเฉพาะลำตัวท่อนล่างให้อะไรบางอย่างเสียดสีกันผ่านชุดนอนผ้าฝ้าย

ตาสบตา นัยน์ตาที่ยังมีน้ำตารื้นอยู่เพราะหัวเราะไม่หยุดอ่านความหมายในดวงตาของเพื่อนสนิทอย่างผมออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

ผมรู้ว่ามาร์ครู้

ที่จริง ตอนแรกที่ชวนหมอนี่มานอนที่บ้านผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าความสะดวกสำหรับงานพิธีปิดกีฬาสีพรุ่งนี้ บ้านผมอยู่ใกล้โรงเรียนจึงถูกใช้เป็นสถานที่ทำคัทเอาท์ เพื่อนๆ ฝ่ายอาร์ตรวมถึงมาร์คก็มาช่วยทำคัทเอาท์กันถึงค่ำมืดทุกวัน แต่มาร์คบ้านไกล ในเมื่อพรุ่งนี้ต้องช่วยยกคัทเอาท์ไปโรงเรียนกันตั้งแต่ตีสี่ผมจึงเสนอให้เพื่อนสนิทมานอนค้างด้วยกันเสียเลย

เมื่อครู่ตอนที่อาบน้ำเสร็จเตรียมจะนอนก็เริ่มจากคุยกันเล่นๆ เพราะยังไม่ง่วง ทำไปทำมาก็แกล้งฟัดไปตามเรื่องตามราว เจ้าหมอนี่ตัวผอมบางผิวเนียนไปทั้งตัว ยิ่งแกล้งจั๊กจี้ให้หัวเราะเสียงใสก็ยิ่งน่ามองน่าแกล้ง ยิ่งเอาปากกับจมูกและคางที่เริ่มมีไรหนวดนิดหน่อยถูผิวเนียนที่โผล่พ้นร่มผ้าออกมาแล้วมันขึ้นสีจัด ผมก็ยิ่งอยากจะทำอีก อยากจะทำแบบนี้กับผิวส่วนอื่นที่อยู่ใต้ร่มผ้าด้วย

ผมรู้ว่ามาร์ครู้

ท่าทางล่อแหลมที่มันเกิดขึ้นตอนนี้พร้อมกับอาการบางอย่างที่เกิดกับร่างกายผม...บางทีอาจรวมถึงอาการที่เกิดกับร่างเล็กๆ ที่อยู่ใต้ร่างผมตอนนี้ด้วย ทั้งหมดนี้มันจะนำพาไปสู่อะไร ผมรู้ดี และผมไม่อยากหยุด

ผมผละตัวเองออกมาเล็กน้อย เบี่ยงหน้าไปด้านข้างตรงที่ยังมีขาเล็กพาดบ่าตัวเองอยู่ แล้วอ้าปากงับไม้กางเขนบนน่องเนียนแรงๆ ทำทุกอย่างโดยที่ยังสบตากับมาร์ค พอเห็นการกระทำของผม มาร์คก็กัดปากคล้ายกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง

“สักตั้งแต่เมื่อไหร่”

ผมรู้แล้วว่าเขาสัก เพราะถึงปกติชุดนักเรียนจะเป็นกางเกงขายาวแต่ก็เคยเห็นรอยสักนี้ตอนไปเที่ยวทะเลด้วยกันกับเพื่อนในห้อง ตอนนั้นมาร์คพูดตัดบทคร่าวๆ ว่าสักตั้งแต่อยู่อเมริกา เขาเพิ่งย้ายมาอยู่เกาหลีตอน ม.ปลาย ผมจึงรู้แค่รอยสักนี้มีมาก่อน ม.ปลาย แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แน่

“สิบห้า”

เสียงที่ตอบผมพร่าเล็กน้อย น้ำเสียงกับความคิดที่ว่ามาร์คสักลายใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่อายุสิบห้ามันเร้าอารมณ์อย่างประหลาด

“เจ็บมั้ย” ว่าพลางงับไม้กางเขนอันเดิม ผมใช้ปากงับให้พอเจ็บ หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง

“เจ็บ...” สายตาคู่นั้นดูวาววามขึ้น
.
.
“...แต่ชอบ”

คำนั้นเหมือนเสียงปืนดังปังเป็นสัญญาณให้นักวิ่งออกวิ่ง ผมก้มลงซุกใบหน้าบนหน้าท้องแบนราบมีกล้ามเนื้อหน่อยๆ ซึ่งใช้มือเปิดเสื้อรอเอาไว้แล้ว กลิ่นสบู่จางๆ ชวนให้ขบผิวเนื้อเนียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่เสื้อนอนผ้าฝ้ายเป็นแบบติดกระดุมด้านหน้า แต่พอมันหลวมขนาดนี้ให้เลิกขึ้นไปกองที่อกแล้วลากจมูกกับปากตามขึ้นไปให้ถึงจุดไวสัมผัสบนนั้นน่าจะเร็วกว่า เสียงครางในลำคอดังขึ้นทันทีที่ผมแตะลิ้นถูกจุด ขณะที่กำลังย้ำซ้ำๆ จุดเดิม มือซึ่งว่างอยู่ก็เกี่ยวขอบกางเกงยางยืดลง

สะโพกเล็กยกขึ้นเล็กน้อยให้ผมดึงกางเกงเนื้อนิ่มออกไป ผมเคยเห็นมาร์คเปลือยท่อนบนแต่ไม่เคยเห็นเขาเปลือยท่อนล่างแบบนี้ ถึงอย่างนั้นคนที่นอนตาปรือปรอยผมเผ้ายุ่งเหยิงแถมยังมีสิ่งที่บ่งบอกอารมณ์ทางเพศตั้งเด่นขึ้นมาให้ผมมองด้วยสายตาหื่นกามก็ไม่ได้ดูเขินอายอะไร

“จะมองอย่างเดียวเหรอ ทำสิ”

ผมหัวเราะ แต่พอก้มลงกำลังจะใช้ปากทำมาร์คกลับรั้งบ่าของผมเอาไว้

“ใส่คอนดอมก่อน”

“แต่นี่จะใช้ปาก”

“ก็นั่นแหละ”

มาร์คยันกายขึ้น เขาเปิดลิ้นชักหัวเตียงแล้วก็หันมาถาม

“เก็บไว้ไหน คอนดอมน่ะ”

ผมส่ายหน้า

“ไม่ได้ซื้อไว้”

ก็บอกแล้วว่าไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนี้ ไม่เคยคิดมาก่อน แค่ฟัดกันไปฟัดกันมาแล้วมันอยากเท่านั้นเอง

“แปลว่าไม่มี?”

“อือ”

ผมโถมตัวลงไปให้ถึงเขาที่กระถดตัวไปอยู่ตรงหัวเตียง พูดคำว่า “ไม่เป็นไรหรอกน่า” แล้วก็ก้มลงจัดการกับส่วนนั้นของเขาทันทีแบบไม่ให้เถียงทัน มาร์คหลุดเสียงร้องเซ็กซี่ออกมาแทบจะทันที ใบหน้าเรียวเชิดขึ้นหอบหายใจ แถมสบถเสียงต่ำเป็นภาษาอังกฤษอย่างกับในหนังเอ็กซ์

ยิ่งห่อปากดูดแรงๆ มาร์คยิ่งครางชื่อผมด้วยเสียงแหบพร่า ขาเรียวชันขึ้นมาจิกฟูก พอจับเอวเขาเอาไว้เป็นหลักยึดแล้วถึงได้รู้สึกว่าเพื่อนสนิทผมมันเอวบางร่างน้อยขนาดไหน

ความอีโรติกของร่างที่ผมกำลังปรนนิบัติอยู่ทำให้กึ่งกลางลำตัวเริ่มจะปวดหนึบ ผมขยับศีรษะให้เร็วขึ้น ไม่สนใจเสียงสวบสาบน่าอาย สนใจแค่เสียงหอบหายใจปนครางอย่างไม่กลัวคนอื่นในบ้านจะได้ยินของมาร์ค ผมก็ไม่กลัว ในเมื่อไม่มีใครอื่นอยู่ในบ้านหลังนี้ ผมจึงยิ่งอยากให้เสียงครางของเขาปลุกอารมณ์ของผม

“อื้อ...อะ...”

ของเหลวอุ่นฉีดอยู่ในปาก ดีที่ตั้งรับทันก็เลยยังไม่ไหลลงคอ ผมรูดปากออกมาแล้วคายน้ำสีขุ่นคาวลงบนหน้าท้องแบนราบ

“ทะ...โทษที”

ผมเอาหลังมือปาดปากพลางส่ายหน้าให้คำขอโทษของเขา ถึงจะปลดปล่อยแล้วแต่ส่วนนั้นของเขายังไม่สงบ ผมมองมัน กำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อ

“จะลองเข้ามามั้ย หรือจะให้กูทำแบบเดียวกัน”

เขามองสิ่งที่ดันกางเกงนอนของผมจนปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ไม่รอคำตอบ เขาลุกขึ้นคลานมาหา ใช้มือลูบไล้มันผ่านกางเกงสองสามครั้งแล้วก็ดึงกางเกงของผมลง

เพราะปากของมาร์คเล็กหรือของผมใหญ่ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ตอนที่เขารับมันเข้าไปนั้นดูคับแน่นไปหมด มือเรียวสวยของเขาประคองส่วนฐานช่วยขยับครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งอยู่ในปาก ก่อนจะผละออกมาเพราะรู้สึกไม่ถนัด

“เมื่อกี้มึงทำยังไงนะ กูทำไม่เป็น ไม่เคยทำ”

ผมขำนิดๆ รู้สึกว่าเพื่อนผมมันซื่อๆ แบบนี้ก็น่ารักดี

“กูก็ไม่เคย ก็ลองมั่วๆ ดู จะทำไงก็ได้ แต่อย่าโดนฟัน”

น่าแปลกที่การ ลองมั่วๆ ดูของมาร์คจะทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้องขนาดนี้ เรียกว่าเก่งเลยก็ว่าได้ ผมแทบทรงตัวบนเตียงในท่ายืนเข่าอย่างเดิมไม่อยู่แล้ว มาร์คเองก็ดูจะเริ่มเมื่อย ผมจึงดันไหล่เล็กออก ผมนั่งลงแล้วก็จับให้คนตัวเล็กกว่านั่งบนตัก

บางทีอาจเพราะมือผมใหญ่ จึงจับทั้งของเขากับของผมรวบไว้ด้วยกันแล้วขยับมันพร้อมกันได้

“อึก...แจบอม”

ผมเพิ่งเห็นวันนี้แหละว่าใบหน้าที่ดูหล่อเหลานักหนาของมัน บางทีก็ดูสวยเซ็กซี่เหมือนกันเวลาซ่านไปด้วยอารมณ์อย่างตอนนี้

“จูบนะ”

ผมรอให้มาร์คพยักหน้าแล้วจึงเข้าไปเล็มชิมริมฝีปากนั้น ดูดเบาๆ สองสามครั้งก่อนจะเผยอปากสอดลิ้นเข้าไป เขาเองก็ดูจะเอาลิ้นมาเกี่ยวกับลิ้นผมอย่างกระหาย แม้จะบอกว่าไม่เคยทำ...อย่างน้อยก็กับผู้ชาย แต่คงจะมีประสบการณ์เรื่องจูบไม่น้อยสมัยอยู่อเมริกา

ไอร้อนผ่าวรินรดใบหน้าตอนที่ผละออกมา น้ำเสียงของมาร์คเซ็กซี่ขึ้นอีกตอนที่เอ่ยถาม

“จะลองเข้ามามั้ย”

“ได้เหรอ”

“อื้อ อยากลอง”

สิ้นเสียง ผมก็สอดนิ้วกลางเข้าปากมาร์ค เขาทำกับนิ้วของผมเหมือนที่ทำกับอวัยวะอีกส่วนเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด สีหน้าของเขาอีโรติคจนผมอยากกระแทกตัวเข้าไปเดี๋ยวนั้น แต่ก็ข่มใจเอาไว้แล้วสอดนิ้วชุ่มน้ำลายเข้าไปช้าๆ สวนทางกับความรีบร้อนในใจ

“อื้อ” มาร์คขมวดคิ้วมุ่น มือของเขาทำหน้าที่ขยับส่วนล่างแทนมือผมตั้งแต่ตอนจูบกันแล้ว ตอนนี้มันยิ่งขยับเร็วขึ้นเหมือนต้องการเบี่ยงเบนความสนใจออกจากความคับแน่นอีกที่หนึ่ง

พอเริ่มขยับอีกสองสามครั้งมาร์คก็ดูจะผ่อนคลายลง ผมเพิ่มจำนวนนิ้วไม่ให้เขารู้ตัว และพอพยายามส่งมันเข้าไปลึกขึ้นอีกนิด ร่างเล็กในอ้อมกอดก็กระตุกวูบ ใบหน้าเรียวซุกบนซอกคอชื้นเหงื่อของผม มือของเขาหยุดขยับตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“อ๊ะ...อึก...ฮึก...”

มาร์คสะท้านเป็นพักๆ พอกำลังคิดว่าจะเปลี่ยนจากนิ้วเป็นอย่างอื่นเลยดีหรือเปล่า เขาก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่ทำให้ความอดทนของผมขาดผึง

“ไม่ต้องกลัวกูเจ็บนะ บอกแล้วว่าชอบ”

สะโพกเล็กยกขึ้น พอจับอะไรให้เข้าที่ยังไม่ทันกดสะโพกลง ผมก็สวนสะโพกกระแทกขึ้นไปอย่างแรงจนมาร์คผวาเฮือก เขาซุกใบหน้าลงกับซอกคอของผม เกาะบ่าผมเอาไว้มันแล้วก็ร้องเสียงหลงคลอไปกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อถี่รัวรุนแรง

“เบา...แจบอม...อึก...แจบอม เดี๋ยว”

“ไหน...บอกว่า...ชอบไง”

ผมพูดพลางหอบหายใจ มาร์คทำหน้าเหมือนหายใจไม่ทันผมจึงหยุดพัก ปล่อยเขาลงไปนอนหอบบนเตียงไม่กี่วินาทีก่อนจะจับขาข้างที่มีรอยสักพับขึ้นสูงเหมือนท่าตอนที่ยังมีกางเกงนอนอยู่ครบ จากนั้นก็จัดการกระแทกเข้าไปอย่างเนิบช้าแต่หนักหน่วงลึกล้ำ

“อึก...อา...อา...แจ...บอม...”

“หืม ว่าไง”

“ฮื่อ”

มาร์คส่ายหน้า คงจะแค่เรียกชื่อไปตามอารมณ์ที่พุ่งสูง ไม่ได้คิดจะเรียกเพื่อจะบอกอะไร หรือไม่ก็อาจจะกำลังจุก เพราะผมว่าที่กระแทกเข้าไปมันก็ลึกพอสมควรเหมือนกัน

มาร์คครางฮือตอนที่ผมถอนตัวออกมา ร่างบางไร้เรี่ยวแรงเสียจนจับให้นอนคว่ำก็นอนคว่ำง่ายๆ จัดท่าจัดทางให้อย่างไรก็ได้จนผมรู้สึกเหมือนกำลังเล่นตุ๊กตา ตอนที่จับสะโพกเล็กให้โด่งขึ้นแล้วศีรษะทุยยังคงจมในหมอน ผมเห็นมาร์คหันหน้าออกมาหอบหายใจ ก็เลยไม่แน่ใจว่าเพื่อนจะไหวหรือเปล่า

“สุดท้ายแล้ว กูจะไม่ยั้งแล้วนะ มึงไหวมั้ย”

“ใส่...ใส่มา”

เท่านั้นแหละ ผมจึงจัดการรัวสะโพกให้ตามที่เพื่อนสั่ง ระหว่างนั้นก็กดจูบไปตามแผ่นหลังขาวเนียนลื่นมือที่เห็นแล้วอดใจไม่ไหว มีหยุดทำรอยบ้างสองสามรอย จากนั้นก็เป็นเสียงเนื้อกระทบเนื้อเข้าจังหวะกับเสียงหวีดร้องในหมอนของมาร์ค

“ปล่อยในได้มั้ย ไม่อยากให้ผ้าปูที่นอนเลอะ”

มาร์คหลับตาปี๋พยักหน้าเร็วๆ คงอยากด่าผมว่าใส่ไม่ยั้งขนาดนี้ยังจะมาถามอีก ที่จริงผมก็ลืมคิดไปว่าเมื่อกี้ตอนใช้ปากให้ผมคายสิ่งที่ฉีดเข้ามาในปากไว้บนตัวมาร์ค ตอนมาร์คลุกขึ้นมาก็คงหยดเลอะผ้าปูที่นอนไปแล้ว

“อา”

เสียงกลืนหายไปกับซอกคอด้านหลังของมาร์ค ตัวผมที่ยังสวมเสื้อนอนชุ่มเหงื่อนอนทับเพื่อนสนิทจนแทบหายใจไม่ออก พอนอนแบบนี้ มาร์คที่ตัวเล็กอยู่แล้วก็แทบจะกลืนหายไปกับอกและฟูกนุ่มๆ

“หายใจไม่ออก”

ผมถอนตัวออกมาอย่างระมัดระวัง แต่มาร์คที่มีของเหลวอุ่นของฝากจากผมอยู่ในตัวนั้นขยับอย่างระวังยิ่งกว่า เขานอนตะแคงกึ่งๆ เสื้อที่ถูกเลิกขึ้นไปสูงหลายครั้งคลี่ลงมาเหมือนเดิม แต่เพราะท่อนล่างไม่ได้ใส่อะไรจึงยังเห็นได้ชัดว่าส่วนที่ถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวยังไม่สงบลง

“กูขอลองด้วยได้มั้ย”

“หือ”

ผมเลิกคิ้ว ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจ แต่พอเห็นสายตาของมาร์คมองส่วนที่ยังไม่สงบของตัวเองสลับกับหน้าผมก็เริ่มเชื่อมโยงคำตอบได้ลางๆ

มาร์ครู้ว่าผมรู้

ด้วยเหตุนั้น ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม ผมก็แค่ไหวไหล่แล้วก็หันซ้ายหันขวา มาร์คลุกขึ้นมาแต่ผมยังทำท่าเก้ๆ กังๆ ในที่สุดก็ถามตรงๆ

“เอาท่าไหน”

“ท่าสุดท้ายเมื่อกี้ก็ได้”

ผมพยักหน้า พลิกตัวลงในท่าคลาน แต่แทนที่มาร์คจะมายืนเข่าเตรียมตัวอยู่ด้านหลังผมเขากลับคลานมามองหน้าอยู่สองวินาที พอส่งสายตาถาม เพื่อนสนิทก็จูบ

ดีพคิสแบบห้าวินาทีจบ จากนั้นก็อ้อมกลับไปจัดการทำสิ่งที่ต้องการจะ ลอง

“อึ้ก...”

ผมขมวดคิ้วจนเมื่อยหน้า รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายก็พยายามแล้วแต่ดันเข้ามาไม่ได้ แหงละ มาร์คมันไม่ได้เตรียมตัวอะไรให้ผมเลยนี่หว่า

“ไม่ไหว”

มาร์คถอนตัวออกมาทั้งที่ใส่เข้าไปได้แค่นิดเดียว ผมเห็นเขาก้าวเซๆ ลงจากเตียง เดินไปที่โต๊ะแล้วก็หยิบขวดโลชั่นมาบีบใส่มือ

“จะไหวถ้ามึงใช้นิ้วให้กูก่อน”

“ไม่”

คำปฏิเสธสั้นๆ ตามมาด้วยการดันส่วนนั้นเข้ามาอีกครั้ง ผมคิดว่าเขาก็น่าจะหน้าตาเหยเกพอๆ กับผม เพราะแม้จะดันเข้ามาได้รวดเดียวจนสุดเพราะความลื่นของโลชั่นที่ชโลมลงไป แต่ก็ทั้งแน่นและจุกสุดๆ

เขาแช่อยู่นิ่งๆ อย่างนั้นพักใหญ่ กระทั่งรู้สึกว่าพอไหวแล้วจึงค่อยขยับ

ผมรู้สึกแสบๆ แต่คิดว่าเป็นเพราะเขาเร่งความเร็วขึ้น และอีกอย่างผมก็เริ่มมีอารมณ์ร่วมไปด้วยแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่

กระทั่งเขาพูดขึ้นมาและชะงักไปนั่นแหละ

“มึงเลือดออก”

“เชี่ยมาร์ค หุบปาก แล้วทำให้เสร็จ”

จะพูดขึ้นมาทำไม

พอโดนผมด่าไปแบบนั้นไอ้เพื่อนสนิทก็เร่งความเร็วจนหน้าผมไถลไปกับหมอน ทั้งเจ็บทั้งแสบแต่ก็ไม่มีความคิดจะให้มันหยุดตอนนี้ ถ้าหยุดละก็ผมตัดเพื่อนกับมันแน่ นี่ยอมให้ทำก็ใจดีแค่ไหนแล้ว

พอเป็นผู้ถูกกระทำ ผมถึงได้รู้สึกว่าเสียงเนื้อกระทบเนื้อและเสียงเฉอะแฉะพวกนั้นมันฟังดูหยาบโลนแค่ไหน มาร์คจับให้ผมหันหน้าไปหาเพื่อจะจูบอีกครั้ง การจูบไปพร้อมเซ็กซ์นี่มันเป็นอะไรที่สุดยอด ผมก็เพิ่งจะรู้

กระทั่งร่างด้านหลังย้ำเข้ามาถี่ๆ ประมาณสิบครั้งสุดท้ายก่อนจะหยุดนิ่ง ร่างนั้นกระตุกนิดหน่อย ผมหลับตาซึมซับความรู้สึกอุ่นซ่านในตัว มาร์คไม่ได้ขอปล่อยในด้วยซ้ำ แต่ผมก็รู้ว่ามันจะทำแบบนั้นแต่แรกแล้ว

มาร์คหายใจกับซอกคอของผม ริมฝีปากนั้นพรมจูบต้นคอผมเบาๆ คล้ายจะปลอบประโลมก่อนจะค่อยๆ ถอนตัวออกมา เราไม่ได้รู้สึกต่อกันในแบบที่จะต้องมานอนกอดหลังเซ็กซ์เสร็จสิ้น ความร้อนและเหนอะหนะทำให้ต่างฝ่ายต่างนอนตะแคงเว้นระยะห่างจากกัน เมื่อหอบหายใจจนพอแล้วมาร์คก็กลืนน้ำลาย เลียริมฝีปากที่แห้งผากแล้วพูดอีกครั้ง

“มึงเลือดออก”

“รู้แล้ว”

“ขอโทษ”

“ฮื่อ ช่างเถอะ”

ผมโบกไม้โบกมือ ดูท่าเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เหลือนี้ถ้านอนคงจะทำให้ปวดหัวแน่ งั้นถึงไม่นอนก็อาจจะไม่ต่างกันเท่าไหร่

“ไปอาบน้ำก่อนนะ”

ผมพูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ หลังจากจัดการอาบน้ำและทำความสะอาดตัวเองหมดจดเรียบร้อยก็ออกมาพร้อมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่จะใส่ไปทำคัทเอาท์งานกีฬาสีพรุ่งนี้...ไม่สิ ต้องบอกว่าวันนี้แล้วละ ถึงจะปวดทั้งข้างบนข้างล่าง แต่คนทำงานมีแค่นี้จะให้เบี้ยวเพื่อนคนอื่นๆ ก็คงไม่ใช่ ผมเองก็เป็นเจ้าของบ้านด้วย ไหนๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้า แต่งตัวพร้อมไปโรงเรียนเสียเลยแล้วกัน

“มึงไปอาบน้ำ กูจะซักผ้าปูที่นอน”

มาร์คเดินเซๆ ลงมาจากเตียงอย่างว่าง่าย ผมโยนผ้าขนหนูให้เพื่อนแล้วก็กำชับอีกรอบ “ล้วงข้างในออกด้วย เดี๋ยวไม่สบาย”

“อือ”

คนตัวเล็กพยักหน้า ส่วนผมก็ดึงผ้าปูที่นอนที่มีทั้งคราบของเหลวขุ่นข้นกับคราบเลือดสองสามหยดของตัวเองออกมา สุดท้ายก็ต้องซักอยู่ดี ก็ดีเหมือนกัน ซักเสร็จก็คงได้เวลาขนคัทเอาท์ไปโรงเรียนพอดีนั่นแหละ

ผมซักผ้าปูที่นอนเสร็จก็หอบไปตากที่ระเบียง ที่จริงตากข้างล่างจะมีพื้นที่มากกว่า แต่เดี๋ยวพ่อกับแม่กลับมาจะสงสัยเอาได้ว่าทำไมลูกชายขยันซักผ้าปูที่นอนตอนนี้ แต่ถ้าตากที่ระเบียงห้องซึ่งหันหน้าออกไปหลังบ้านก็จะไม่มีใครสังเกต

ตอนที่กำลังจะหันหน้าเดินกลับเข้าห้องนั้นเอง จู่ๆ ก็ถูกจูบ

“อื้อ”

มาร์คผละออกมาเมื่อจูบจนพอใจ ฝ่ายนั้นยิ้มจนเห็นเขี้ยวน่ารัก แต่ผมกลับไม่สบายใจนิดหน่อย ที่จริงการ ลองของเราน่าจะจบแค่บนเตียง แต่นี่เขามาจูบผมตอนนี้อีก มันออกจะมากเกินไป

มาร์คคงจับความไม่สบายใจในสีหน้าและแววตาของผมได้ ฝ่ายนั้นเปลี่ยนจากยิ้มเป็นยู่ปากนิดหน่อย แล้วก็ถอนหายใจ

“อย่าคิดมากน่า ก็แค่สนุกๆ ไม่ใช่เหรอ มึงไม่ต้องห่วงหรอก กูแยกแยะได้”

ผมมองมือเรียวสวยที่ยกขึ้นมารอจับ

ชั่งใจอยู่หลายวินาที ก่อนจะได้ยินเสียงเพื่อนคนอื่นมากดกริ่งหน้าบ้าน ตีสี่แล้ว พวกนั้นมาช่วยขนคัทเอาท์แล้ว ตอนนี้คนที่หวั่นไหวทั้งที่ไม่ควรคือผมต่างหาก ผมควรเลิกฟุ้งซ่านตั้งแต่ตอนนี้

ผมจับกระชับมือเรียวนั้นแล้วดึงเข้าหาตัวในจังหวะเดียวกันกับเขา ไหล่กระแทกไหล่ ระหว่างเรายังคงเป็นเพื่อนสนิทกัน



ผมรู้กฎของ friends with benefits ดี




................EnD.................