Pairing : Jaebum x Mark / Mark x Jaebum
Rating : NC-17
Warning : มีการสลับโพสิชั่นค่ะ
Writer's Note : รู้สึกอยากเขียนบีมาร์คเพราะฉากที่ปลุกปล้ำ(?)กันบนเตียงในงานที่ญี่ปุ่นจนเห็นรอยสักไม้กางเขนที่น่องมาร์คนั่นแหละ เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรหรอก เอ็นซีซะส่วนใหญ่ 55 enjoy reading!
ปูลู : สะดวกเม้นในนี้ก็ได้นะคะ หรือแฮชแท็ก #BMarkFWB ในทวิตก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากๆเลยน้า!
คลิปที่มาของเรื่อง จากบ้าน matchpoint ค่ะ >> https://twitter.com/twitter/statuses/997493342995759105
..............
Friends
with Benefits
“โอ๊ย ฮ่าๆๆๆ แจบอม นี่แน่ะ”
ท่อนขาเล็กเรียวแข็งแรงตวัดฟาดกลับมาหาตัวผมที่นอนข้างๆ
โดยเอาครึ่งหนึ่งของลำตัวท่อนบนพาดอยู่บนตัวเขา แต่เพราะมือของผมยังทำหน้าที่จั๊กจี้เอวคอดบางอย่างต่อเนื่อง
ทำให้เจ้าตัวหัวเราะพลางดิ้นพล่าน ขาที่ฟาดมาจึงเหมือนลูกจระเข้ฟาดหางมาเบาๆ
มากกว่าจะเป็นแม่จระเข้ฟาดหางมาทำร้าย
ผมละมือหนึ่งมาจับขาเล็กเอาไว้เพื่อหวังจะให้สยบ แต่เจ้าของขาพยายามเบี่ยงหลบแล้วฟาดให้โดนตัวผมให้ได้
จังหวะที่กำลังจะคว้าจับผมจึงเห็นกางเกงนอนขายาวเลิกขึ้นเผยปลีน่องขาวเนียนที่มีรอยสักรูปไม้กางเขนอันโตพาดอยู่ชัดเจน
ทำไมรอยสักที่อยู่บนน่องของคนคนหนึ่ง
ถึงทำให้อีกคนรู้สึกมีอารมณ์ได้นะ
ผมคว้ากลางน่องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
จากนั้นก็เลื่อนมือให้ขากางเกงเลิกขึ้นเผยไม้กางเขนเต็มอัน
มือที่ตอนนี้เลื่อนมาอยู่ตรงข้อพับจับให้ขาเรียวเล็กพับขึ้นจนเข่าเกือบจรดอก
ผมทาบลำตัวตามลงไป มืออีกข้างค้ำฟูกข้างตัวเขา
จงใจลงน้ำหนักเฉพาะลำตัวท่อนล่างให้อะไรบางอย่างเสียดสีกันผ่านชุดนอนผ้าฝ้าย
ตาสบตา นัยน์ตาที่ยังมีน้ำตารื้นอยู่เพราะหัวเราะไม่หยุดอ่านความหมายในดวงตาของเพื่อนสนิทอย่างผมออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ผมรู้ว่ามาร์ครู้
ที่จริง ตอนแรกที่ชวนหมอนี่มานอนที่บ้านผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าความสะดวกสำหรับงานพิธีปิดกีฬาสีพรุ่งนี้
บ้านผมอยู่ใกล้โรงเรียนจึงถูกใช้เป็นสถานที่ทำคัทเอาท์ เพื่อนๆ ฝ่ายอาร์ตรวมถึงมาร์คก็มาช่วยทำคัทเอาท์กันถึงค่ำมืดทุกวัน
แต่มาร์คบ้านไกล
ในเมื่อพรุ่งนี้ต้องช่วยยกคัทเอาท์ไปโรงเรียนกันตั้งแต่ตีสี่ผมจึงเสนอให้เพื่อนสนิทมานอนค้างด้วยกันเสียเลย
เมื่อครู่ตอนที่อาบน้ำเสร็จเตรียมจะนอนก็เริ่มจากคุยกันเล่นๆ
เพราะยังไม่ง่วง ทำไปทำมาก็แกล้งฟัดไปตามเรื่องตามราว เจ้าหมอนี่ตัวผอมบางผิวเนียนไปทั้งตัว
ยิ่งแกล้งจั๊กจี้ให้หัวเราะเสียงใสก็ยิ่งน่ามองน่าแกล้ง ยิ่งเอาปากกับจมูกและคางที่เริ่มมีไรหนวดนิดหน่อยถูผิวเนียนที่โผล่พ้นร่มผ้าออกมาแล้วมันขึ้นสีจัด
ผมก็ยิ่งอยากจะทำอีก อยากจะทำแบบนี้กับผิวส่วนอื่นที่อยู่ใต้ร่มผ้าด้วย
ผมรู้ว่ามาร์ครู้
ท่าทางล่อแหลมที่มันเกิดขึ้นตอนนี้พร้อมกับอาการบางอย่างที่เกิดกับร่างกายผม...บางทีอาจรวมถึงอาการที่เกิดกับร่างเล็กๆ
ที่อยู่ใต้ร่างผมตอนนี้ด้วย ทั้งหมดนี้มันจะนำพาไปสู่อะไร ผมรู้ดี
และผมไม่อยากหยุด
ผมผละตัวเองออกมาเล็กน้อย
เบี่ยงหน้าไปด้านข้างตรงที่ยังมีขาเล็กพาดบ่าตัวเองอยู่ แล้วอ้าปากงับไม้กางเขนบนน่องเนียนแรงๆ
ทำทุกอย่างโดยที่ยังสบตากับมาร์ค พอเห็นการกระทำของผม มาร์คก็กัดปากคล้ายกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง
“สักตั้งแต่เมื่อไหร่”
ผมรู้แล้วว่าเขาสัก เพราะถึงปกติชุดนักเรียนจะเป็นกางเกงขายาวแต่ก็เคยเห็นรอยสักนี้ตอนไปเที่ยวทะเลด้วยกันกับเพื่อนในห้อง
ตอนนั้นมาร์คพูดตัดบทคร่าวๆ ว่าสักตั้งแต่อยู่อเมริกา เขาเพิ่งย้ายมาอยู่เกาหลีตอน
ม.ปลาย ผมจึงรู้แค่รอยสักนี้มีมาก่อน ม.ปลาย แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แน่
“สิบห้า”
เสียงที่ตอบผมพร่าเล็กน้อย
น้ำเสียงกับความคิดที่ว่ามาร์คสักลายใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่อายุสิบห้ามันเร้าอารมณ์อย่างประหลาด
“เจ็บมั้ย” ว่าพลางงับไม้กางเขนอันเดิม ผมใช้ปากงับให้พอเจ็บ
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง
“เจ็บ...” สายตาคู่นั้นดูวาววามขึ้น
.
.
“...แต่ชอบ”
คำนั้นเหมือนเสียงปืนดังปังเป็นสัญญาณให้นักวิ่งออกวิ่ง ผมก้มลงซุกใบหน้าบนหน้าท้องแบนราบมีกล้ามเนื้อหน่อยๆ
ซึ่งใช้มือเปิดเสื้อรอเอาไว้แล้ว กลิ่นสบู่จางๆ ชวนให้ขบผิวเนื้อเนียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทั้งที่เสื้อนอนผ้าฝ้ายเป็นแบบติดกระดุมด้านหน้า แต่พอมันหลวมขนาดนี้ให้เลิกขึ้นไปกองที่อกแล้วลากจมูกกับปากตามขึ้นไปให้ถึงจุดไวสัมผัสบนนั้นน่าจะเร็วกว่า
เสียงครางในลำคอดังขึ้นทันทีที่ผมแตะลิ้นถูกจุด ขณะที่กำลังย้ำซ้ำๆ จุดเดิม
มือซึ่งว่างอยู่ก็เกี่ยวขอบกางเกงยางยืดลง
สะโพกเล็กยกขึ้นเล็กน้อยให้ผมดึงกางเกงเนื้อนิ่มออกไป ผมเคยเห็นมาร์คเปลือยท่อนบนแต่ไม่เคยเห็นเขาเปลือยท่อนล่างแบบนี้
ถึงอย่างนั้นคนที่นอนตาปรือปรอยผมเผ้ายุ่งเหยิงแถมยังมีสิ่งที่บ่งบอกอารมณ์ทางเพศตั้งเด่นขึ้นมาให้ผมมองด้วยสายตาหื่นกามก็ไม่ได้ดูเขินอายอะไร
“จะมองอย่างเดียวเหรอ ทำสิ”
ผมหัวเราะ แต่พอก้มลงกำลังจะใช้ปากทำมาร์คกลับรั้งบ่าของผมเอาไว้
“ใส่คอนดอมก่อน”
“แต่นี่จะใช้ปาก”
“ก็นั่นแหละ”
มาร์คยันกายขึ้น เขาเปิดลิ้นชักหัวเตียงแล้วก็หันมาถาม
“เก็บไว้ไหน คอนดอมน่ะ”
ผมส่ายหน้า
“ไม่ได้ซื้อไว้”
ก็บอกแล้วว่าไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนี้ ไม่เคยคิดมาก่อน
แค่ฟัดกันไปฟัดกันมาแล้วมันอยากเท่านั้นเอง
“แปลว่าไม่มี?”
“อือ”
ผมโถมตัวลงไปให้ถึงเขาที่กระถดตัวไปอยู่ตรงหัวเตียง พูดคำว่า “ไม่เป็นไรหรอกน่า”
แล้วก็ก้มลงจัดการกับส่วนนั้นของเขาทันทีแบบไม่ให้เถียงทัน
มาร์คหลุดเสียงร้องเซ็กซี่ออกมาแทบจะทันที ใบหน้าเรียวเชิดขึ้นหอบหายใจ
แถมสบถเสียงต่ำเป็นภาษาอังกฤษอย่างกับในหนังเอ็กซ์
ยิ่งห่อปากดูดแรงๆ มาร์คยิ่งครางชื่อผมด้วยเสียงแหบพร่า
ขาเรียวชันขึ้นมาจิกฟูก พอจับเอวเขาเอาไว้เป็นหลักยึดแล้วถึงได้รู้สึกว่าเพื่อนสนิทผมมันเอวบางร่างน้อยขนาดไหน
ความอีโรติกของร่างที่ผมกำลังปรนนิบัติอยู่ทำให้กึ่งกลางลำตัวเริ่มจะปวดหนึบ
ผมขยับศีรษะให้เร็วขึ้น ไม่สนใจเสียงสวบสาบน่าอาย
สนใจแค่เสียงหอบหายใจปนครางอย่างไม่กลัวคนอื่นในบ้านจะได้ยินของมาร์ค ผมก็ไม่กลัว
ในเมื่อไม่มีใครอื่นอยู่ในบ้านหลังนี้
ผมจึงยิ่งอยากให้เสียงครางของเขาปลุกอารมณ์ของผม
“อื้อ...อะ...”
ของเหลวอุ่นฉีดอยู่ในปาก ดีที่ตั้งรับทันก็เลยยังไม่ไหลลงคอ
ผมรูดปากออกมาแล้วคายน้ำสีขุ่นคาวลงบนหน้าท้องแบนราบ
“ทะ...โทษที”
ผมเอาหลังมือปาดปากพลางส่ายหน้าให้คำขอโทษของเขา ถึงจะปลดปล่อยแล้วแต่ส่วนนั้นของเขายังไม่สงบ
ผมมองมัน กำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อ
“จะลองเข้ามามั้ย หรือจะให้กูทำแบบเดียวกัน”
เขามองสิ่งที่ดันกางเกงนอนของผมจนปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ไม่รอคำตอบ
เขาลุกขึ้นคลานมาหา ใช้มือลูบไล้มันผ่านกางเกงสองสามครั้งแล้วก็ดึงกางเกงของผมลง
เพราะปากของมาร์คเล็กหรือของผมใหญ่ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่
แต่ตอนที่เขารับมันเข้าไปนั้นดูคับแน่นไปหมด
มือเรียวสวยของเขาประคองส่วนฐานช่วยขยับครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งอยู่ในปาก
ก่อนจะผละออกมาเพราะรู้สึกไม่ถนัด
“เมื่อกี้มึงทำยังไงนะ กูทำไม่เป็น ไม่เคยทำ”
ผมขำนิดๆ รู้สึกว่าเพื่อนผมมันซื่อๆ แบบนี้ก็น่ารักดี
“กูก็ไม่เคย ก็ลองมั่วๆ ดู จะทำไงก็ได้ แต่อย่าโดนฟัน”
น่าแปลกที่การ ‘ลองมั่วๆ ดู’ ของมาร์คจะทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้องขนาดนี้
เรียกว่าเก่งเลยก็ว่าได้ ผมแทบทรงตัวบนเตียงในท่ายืนเข่าอย่างเดิมไม่อยู่แล้ว
มาร์คเองก็ดูจะเริ่มเมื่อย ผมจึงดันไหล่เล็กออก
ผมนั่งลงแล้วก็จับให้คนตัวเล็กกว่านั่งบนตัก
บางทีอาจเพราะมือผมใหญ่
จึงจับทั้งของเขากับของผมรวบไว้ด้วยกันแล้วขยับมันพร้อมกันได้
“อึก...แจบอม”
ผมเพิ่งเห็นวันนี้แหละว่าใบหน้าที่ดูหล่อเหลานักหนาของมัน
บางทีก็ดูสวยเซ็กซี่เหมือนกันเวลาซ่านไปด้วยอารมณ์อย่างตอนนี้
“จูบนะ”
ผมรอให้มาร์คพยักหน้าแล้วจึงเข้าไปเล็มชิมริมฝีปากนั้น ดูดเบาๆ
สองสามครั้งก่อนจะเผยอปากสอดลิ้นเข้าไป เขาเองก็ดูจะเอาลิ้นมาเกี่ยวกับลิ้นผมอย่างกระหาย
แม้จะบอกว่าไม่เคยทำ...อย่างน้อยก็กับผู้ชาย แต่คงจะมีประสบการณ์เรื่องจูบไม่น้อยสมัยอยู่อเมริกา
ไอร้อนผ่าวรินรดใบหน้าตอนที่ผละออกมา
น้ำเสียงของมาร์คเซ็กซี่ขึ้นอีกตอนที่เอ่ยถาม
“จะลองเข้ามามั้ย”
“ได้เหรอ”
“อื้อ อยากลอง”
สิ้นเสียง ผมก็สอดนิ้วกลางเข้าปากมาร์ค
เขาทำกับนิ้วของผมเหมือนที่ทำกับอวัยวะอีกส่วนเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด
สีหน้าของเขาอีโรติคจนผมอยากกระแทกตัวเข้าไปเดี๋ยวนั้น
แต่ก็ข่มใจเอาไว้แล้วสอดนิ้วชุ่มน้ำลายเข้าไปช้าๆ สวนทางกับความรีบร้อนในใจ
“อื้อ” มาร์คขมวดคิ้วมุ่น มือของเขาทำหน้าที่ขยับส่วนล่างแทนมือผมตั้งแต่ตอนจูบกันแล้ว
ตอนนี้มันยิ่งขยับเร็วขึ้นเหมือนต้องการเบี่ยงเบนความสนใจออกจากความคับแน่นอีกที่หนึ่ง
พอเริ่มขยับอีกสองสามครั้งมาร์คก็ดูจะผ่อนคลายลง
ผมเพิ่มจำนวนนิ้วไม่ให้เขารู้ตัว และพอพยายามส่งมันเข้าไปลึกขึ้นอีกนิด
ร่างเล็กในอ้อมกอดก็กระตุกวูบ ใบหน้าเรียวซุกบนซอกคอชื้นเหงื่อของผม มือของเขาหยุดขยับตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“อ๊ะ...อึก...ฮึก...”
มาร์คสะท้านเป็นพักๆ
พอกำลังคิดว่าจะเปลี่ยนจากนิ้วเป็นอย่างอื่นเลยดีหรือเปล่า
เขาก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาที่ทำให้ความอดทนของผมขาดผึง
“ไม่ต้องกลัวกูเจ็บนะ บอกแล้วว่าชอบ”
สะโพกเล็กยกขึ้น พอจับอะไรให้เข้าที่ยังไม่ทันกดสะโพกลง ผมก็สวนสะโพกกระแทกขึ้นไปอย่างแรงจนมาร์คผวาเฮือก
เขาซุกใบหน้าลงกับซอกคอของผม
เกาะบ่าผมเอาไว้มันแล้วก็ร้องเสียงหลงคลอไปกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อถี่รัวรุนแรง
“เบา...แจบอม...อึก...แจบอม เดี๋ยว”
“ไหน...บอกว่า...ชอบไง”
ผมพูดพลางหอบหายใจ มาร์คทำหน้าเหมือนหายใจไม่ทันผมจึงหยุดพัก
ปล่อยเขาลงไปนอนหอบบนเตียงไม่กี่วินาทีก่อนจะจับขาข้างที่มีรอยสักพับขึ้นสูงเหมือนท่าตอนที่ยังมีกางเกงนอนอยู่ครบ
จากนั้นก็จัดการกระแทกเข้าไปอย่างเนิบช้าแต่หนักหน่วงลึกล้ำ
“อึก...อา...อา...แจ...บอม...”
“หืม ว่าไง”
“ฮื่อ”
มาร์คส่ายหน้า คงจะแค่เรียกชื่อไปตามอารมณ์ที่พุ่งสูง ไม่ได้คิดจะเรียกเพื่อจะบอกอะไร
หรือไม่ก็อาจจะกำลังจุก เพราะผมว่าที่กระแทกเข้าไปมันก็ลึกพอสมควรเหมือนกัน
มาร์คครางฮือตอนที่ผมถอนตัวออกมา
ร่างบางไร้เรี่ยวแรงเสียจนจับให้นอนคว่ำก็นอนคว่ำง่ายๆ จัดท่าจัดทางให้อย่างไรก็ได้จนผมรู้สึกเหมือนกำลังเล่นตุ๊กตา
ตอนที่จับสะโพกเล็กให้โด่งขึ้นแล้วศีรษะทุยยังคงจมในหมอน ผมเห็นมาร์คหันหน้าออกมาหอบหายใจ
ก็เลยไม่แน่ใจว่าเพื่อนจะไหวหรือเปล่า
“สุดท้ายแล้ว
กูจะไม่ยั้งแล้วนะ มึงไหวมั้ย”
“ใส่...ใส่มา”
เท่านั้นแหละ
ผมจึงจัดการรัวสะโพกให้ตามที่เพื่อนสั่ง ระหว่างนั้นก็กดจูบไปตามแผ่นหลังขาวเนียนลื่นมือที่เห็นแล้วอดใจไม่ไหว
มีหยุดทำรอยบ้างสองสามรอย จากนั้นก็เป็นเสียงเนื้อกระทบเนื้อเข้าจังหวะกับเสียงหวีดร้องในหมอนของมาร์ค
“ปล่อยในได้มั้ย
ไม่อยากให้ผ้าปูที่นอนเลอะ”
มาร์คหลับตาปี๋พยักหน้าเร็วๆ
คงอยากด่าผมว่าใส่ไม่ยั้งขนาดนี้ยังจะมาถามอีก ที่จริงผมก็ลืมคิดไปว่าเมื่อกี้ตอนใช้ปากให้ผมคายสิ่งที่ฉีดเข้ามาในปากไว้บนตัวมาร์ค
ตอนมาร์คลุกขึ้นมาก็คงหยดเลอะผ้าปูที่นอนไปแล้ว
“อา”
เสียงกลืนหายไปกับซอกคอด้านหลังของมาร์ค
ตัวผมที่ยังสวมเสื้อนอนชุ่มเหงื่อนอนทับเพื่อนสนิทจนแทบหายใจไม่ออก พอนอนแบบนี้
มาร์คที่ตัวเล็กอยู่แล้วก็แทบจะกลืนหายไปกับอกและฟูกนุ่มๆ
“หายใจไม่ออก”
ผมถอนตัวออกมาอย่างระมัดระวัง
แต่มาร์คที่มีของเหลวอุ่นของฝากจากผมอยู่ในตัวนั้นขยับอย่างระวังยิ่งกว่า
เขานอนตะแคงกึ่งๆ เสื้อที่ถูกเลิกขึ้นไปสูงหลายครั้งคลี่ลงมาเหมือนเดิม
แต่เพราะท่อนล่างไม่ได้ใส่อะไรจึงยังเห็นได้ชัดว่าส่วนที่ถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวยังไม่สงบลง
“กูขอลองด้วยได้มั้ย”
“หือ”
ผมเลิกคิ้ว ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจ
แต่พอเห็นสายตาของมาร์คมองส่วนที่ยังไม่สงบของตัวเองสลับกับหน้าผมก็เริ่มเชื่อมโยงคำตอบได้ลางๆ
มาร์ครู้ว่าผมรู้
ด้วยเหตุนั้น ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม
ผมก็แค่ไหวไหล่แล้วก็หันซ้ายหันขวา มาร์คลุกขึ้นมาแต่ผมยังทำท่าเก้ๆ กังๆ
ในที่สุดก็ถามตรงๆ
“เอาท่าไหน”
“ท่าสุดท้ายเมื่อกี้ก็ได้”
ผมพยักหน้า พลิกตัวลงในท่าคลาน
แต่แทนที่มาร์คจะมายืนเข่าเตรียมตัวอยู่ด้านหลังผมเขากลับคลานมามองหน้าอยู่สองวินาที
พอส่งสายตาถาม เพื่อนสนิทก็จูบ
ดีพคิสแบบห้าวินาทีจบ จากนั้นก็อ้อมกลับไปจัดการทำสิ่งที่ต้องการจะ ‘ลอง’
“อึ้ก...”
ผมขมวดคิ้วจนเมื่อยหน้า รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายก็พยายามแล้วแต่ดันเข้ามาไม่ได้
แหงละ มาร์คมันไม่ได้เตรียมตัวอะไรให้ผมเลยนี่หว่า
“ไม่ไหว”
มาร์คถอนตัวออกมาทั้งที่ใส่เข้าไปได้แค่นิดเดียว ผมเห็นเขาก้าวเซๆ ลงจากเตียง
เดินไปที่โต๊ะแล้วก็หยิบขวดโลชั่นมาบีบใส่มือ
“จะไหวถ้ามึงใช้นิ้วให้กูก่อน”
“ไม่”
คำปฏิเสธสั้นๆ ตามมาด้วยการดันส่วนนั้นเข้ามาอีกครั้ง
ผมคิดว่าเขาก็น่าจะหน้าตาเหยเกพอๆ กับผม เพราะแม้จะดันเข้ามาได้รวดเดียวจนสุดเพราะความลื่นของโลชั่นที่ชโลมลงไป
แต่ก็ทั้งแน่นและจุกสุดๆ
เขาแช่อยู่นิ่งๆ อย่างนั้นพักใหญ่ กระทั่งรู้สึกว่าพอไหวแล้วจึงค่อยขยับ
ผมรู้สึกแสบๆ แต่คิดว่าเป็นเพราะเขาเร่งความเร็วขึ้น
และอีกอย่างผมก็เริ่มมีอารมณ์ร่วมไปด้วยแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
กระทั่งเขาพูดขึ้นมาและชะงักไปนั่นแหละ
“มึงเลือดออก”
“เชี่ยมาร์ค หุบปาก แล้วทำให้เสร็จ”
จะพูดขึ้นมาทำไม
พอโดนผมด่าไปแบบนั้นไอ้เพื่อนสนิทก็เร่งความเร็วจนหน้าผมไถลไปกับหมอน
ทั้งเจ็บทั้งแสบแต่ก็ไม่มีความคิดจะให้มันหยุดตอนนี้
ถ้าหยุดละก็ผมตัดเพื่อนกับมันแน่ นี่ยอมให้ทำก็ใจดีแค่ไหนแล้ว
พอเป็นผู้ถูกกระทำ
ผมถึงได้รู้สึกว่าเสียงเนื้อกระทบเนื้อและเสียงเฉอะแฉะพวกนั้นมันฟังดูหยาบโลนแค่ไหน
มาร์คจับให้ผมหันหน้าไปหาเพื่อจะจูบอีกครั้ง
การจูบไปพร้อมเซ็กซ์นี่มันเป็นอะไรที่สุดยอด ผมก็เพิ่งจะรู้
กระทั่งร่างด้านหลังย้ำเข้ามาถี่ๆ
ประมาณสิบครั้งสุดท้ายก่อนจะหยุดนิ่ง ร่างนั้นกระตุกนิดหน่อย
ผมหลับตาซึมซับความรู้สึกอุ่นซ่านในตัว มาร์คไม่ได้ขอปล่อยในด้วยซ้ำ
แต่ผมก็รู้ว่ามันจะทำแบบนั้นแต่แรกแล้ว
มาร์คหายใจกับซอกคอของผม ริมฝีปากนั้นพรมจูบต้นคอผมเบาๆ
คล้ายจะปลอบประโลมก่อนจะค่อยๆ ถอนตัวออกมา เราไม่ได้รู้สึกต่อกันในแบบที่จะต้องมานอนกอดหลังเซ็กซ์เสร็จสิ้น
ความร้อนและเหนอะหนะทำให้ต่างฝ่ายต่างนอนตะแคงเว้นระยะห่างจากกัน เมื่อหอบหายใจจนพอแล้วมาร์คก็กลืนน้ำลาย
เลียริมฝีปากที่แห้งผากแล้วพูดอีกครั้ง
“มึงเลือดออก”
“รู้แล้ว”
“ขอโทษ”
“ฮื่อ ช่างเถอะ”
ผมโบกไม้โบกมือ ดูท่าเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เหลือนี้ถ้านอนคงจะทำให้ปวดหัวแน่
งั้นถึงไม่นอนก็อาจจะไม่ต่างกันเท่าไหร่
“ไปอาบน้ำก่อนนะ”
ผมพูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ หลังจากจัดการอาบน้ำและทำความสะอาดตัวเองหมดจดเรียบร้อยก็ออกมาพร้อมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่จะใส่ไปทำคัทเอาท์งานกีฬาสีพรุ่งนี้...ไม่สิ
ต้องบอกว่าวันนี้แล้วละ ถึงจะปวดทั้งข้างบนข้างล่าง แต่คนทำงานมีแค่นี้จะให้เบี้ยวเพื่อนคนอื่นๆ
ก็คงไม่ใช่ ผมเองก็เป็นเจ้าของบ้านด้วย ไหนๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้า
แต่งตัวพร้อมไปโรงเรียนเสียเลยแล้วกัน
“มึงไปอาบน้ำ กูจะซักผ้าปูที่นอน”
มาร์คเดินเซๆ ลงมาจากเตียงอย่างว่าง่าย ผมโยนผ้าขนหนูให้เพื่อนแล้วก็กำชับอีกรอบ
“ล้วงข้างในออกด้วย เดี๋ยวไม่สบาย”
“อือ”
คนตัวเล็กพยักหน้า
ส่วนผมก็ดึงผ้าปูที่นอนที่มีทั้งคราบของเหลวขุ่นข้นกับคราบเลือดสองสามหยดของตัวเองออกมา
สุดท้ายก็ต้องซักอยู่ดี ก็ดีเหมือนกัน
ซักเสร็จก็คงได้เวลาขนคัทเอาท์ไปโรงเรียนพอดีนั่นแหละ
ผมซักผ้าปูที่นอนเสร็จก็หอบไปตากที่ระเบียง ที่จริงตากข้างล่างจะมีพื้นที่มากกว่า
แต่เดี๋ยวพ่อกับแม่กลับมาจะสงสัยเอาได้ว่าทำไมลูกชายขยันซักผ้าปูที่นอนตอนนี้
แต่ถ้าตากที่ระเบียงห้องซึ่งหันหน้าออกไปหลังบ้านก็จะไม่มีใครสังเกต
ตอนที่กำลังจะหันหน้าเดินกลับเข้าห้องนั้นเอง จู่ๆ ก็ถูกจูบ
“อื้อ”
มาร์คผละออกมาเมื่อจูบจนพอใจ ฝ่ายนั้นยิ้มจนเห็นเขี้ยวน่ารัก
แต่ผมกลับไม่สบายใจนิดหน่อย ที่จริงการ ‘ลอง’ ของเราน่าจะจบแค่บนเตียง
แต่นี่เขามาจูบผมตอนนี้อีก มันออกจะมากเกินไป
มาร์คคงจับความไม่สบายใจในสีหน้าและแววตาของผมได้
ฝ่ายนั้นเปลี่ยนจากยิ้มเป็นยู่ปากนิดหน่อย แล้วก็ถอนหายใจ
“อย่าคิดมากน่า ก็แค่สนุกๆ ไม่ใช่เหรอ มึงไม่ต้องห่วงหรอก กูแยกแยะได้”
ผมมองมือเรียวสวยที่ยกขึ้นมารอจับ
ชั่งใจอยู่หลายวินาที ก่อนจะได้ยินเสียงเพื่อนคนอื่นมากดกริ่งหน้าบ้าน
ตีสี่แล้ว พวกนั้นมาช่วยขนคัทเอาท์แล้ว ตอนนี้คนที่หวั่นไหวทั้งที่ไม่ควรคือผมต่างหาก
ผมควรเลิกฟุ้งซ่านตั้งแต่ตอนนี้
ผมจับกระชับมือเรียวนั้นแล้วดึงเข้าหาตัวในจังหวะเดียวกันกับเขา
ไหล่กระแทกไหล่ ระหว่างเรายังคงเป็นเพื่อนสนิทกัน
ผมรู้กฎของ friends with benefits ดี
................EnD.................