วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

[SF] I NEED YOU (Original Ver.) [Mark X Jinyoung]

Title : I NEED U (Original Version)
Category : Short Fiction, drama
Pairing : [GOT7] Mark X Jinyoung(Jr.) 
Rating : NC 17
Inspiration : BTS - I NEED U (lyrics and MV)

Writer says : ได้แรงบันดาลใจจากฉากน้องวีใน MV I NEED U แล้วก็เนื้อเพลงด้วยค่ะ ใครอ่านในนี้จะคอมเมนต์ในนี้หรือในเด็กดีก็ได้ค่ะ ฝากด้วยนะค้าาาา *โค้ง*





I NEED U





คนสองคนที่อยู่ในห้องยังคงทะเลาะกันเสียงดัง เขาได้ยินเสียงตุบๆ เหมือนฝ่ายหนึ่งกำลังใช้มือทุบลงบนตัวของอีกฝ่าย ตามมาด้วยเสียงเหมือนร่างของหนึ่งในนั้นถูกผลักไปกระแทกเข้ากับตู้เสื้อผ้าดังอั้ก ประกอบกับเสียงร้องโอ๊ยของเจ้าของร่าง

มาร์คจำได้ดีว่าเสียงร้องโอ๊ยเมื่อครู่เป็นเสียงของใคร เสี้ยววินาทีต่อมาเสียงเดียวกันนั้นก็ร้องอีก แต่ร้องพร้อมๆ กับเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้า ความโกรธของมาร์คกำลังจะพุ่งถึงขีดสุด

“ทำไมคุณอาต้องทำแบบนี้กับจินยองด้วย จินยองผิดอะไร จินยองไม่เคยรักคนอื่นเลยนะ”

“ไม่ต้องพูดมาก!

เพี้ยะ!

คราวนี้มาร์คไม่ได้แค่ได้ยินเสียง เขาเปิดประตูออกกว้าง จึงเห็นเต็มตาว่ามือหนาใช้หลังมือฟาดลงบนใบหน้าเนียนของปาร์คจินยองอย่างไม่คิดออมแรง นอกจากแก้มเนียนจะแดงช้ำจนเกือบม่วง ยังมีรอยเลือดซิบที่เกิดจากแหวนทองวงใหญ่ที่ คุณอาใส่ติดนิ้วด้วย

มาร์คได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างในหัวขาดผึง เขาคว้าขวดเบียร์เปล่าที่เจ้าของห้องวางเอาไว้หลังตู้เตี้ยๆ ข้างประตูแล้วย่างสามขุมไปหาชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ วินาทีที่จินยองหันมาเห็นเขาพร้อมๆ กับที่ร่างสูงใหญ่นั้นหันมา ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว

ขวดเบียร์ในมือถูกฟาดลงบนศีรษะฝ่ายนั้นอย่างแรงจนแตกกระจาย พอคนตัวสูงใหญ่ซึ่งหัวแตกเลือดอาบทว่ายังคงมีสติ พอทำท่าจะสู้กลับ มาร์คก็ใช้ขวดในมือที่แตกไปครึ่งหนึ่งจนด้านที่แตกกลายเป็นเศษแก้วแหลมคมนั้นแทงเข้าไปที่หน้าท้องของอีกฝ่าย กระชากออก แล้วแทงซ้ำอีก อีก จนแน่ใจว่าร่างนั้นไม่สามารถตอบโต้ได้อีกต่อไป...เขาจึงกระชากเศษขวดชุ่มเลือดในมือออกมาเป็นครั้งสุดท้าย  ร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบลงกับพื้น และล้มลงนอนนิ่งไม่ไหวติง  ดวงตาคู่นั้นยังคงเบิกโพลง

มาร์คมองร่างที่แน่นิ่งนั้นก่อนจะเหลือบมองมือตัวเอง มือของเขาชุ่มโชกไปด้วยของเหลวสีแดงสด กลิ่นคาวคลุ้งตีขึ้นมาจนรู้สึกคลื่นไส้ สติที่หายไปเมื่อครู่กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว มือที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นสั่นจนเศษขวดเลื่อนหลุดตกแตก เขารู้สึกเข่าอ่อน จะขยับถอยก็สะดุดจนลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าบนพื้น แต่สายตากลับละจากร่างตรงหน้าไม่ได้เลย

นี่เขา...ฆ่าคน...

เสียงตุบเบาๆ เบนความสนใจเขาไปด้านข้าง จินยองทรุดฮวบอยู่ตรงนั้น น้ำตายังคงไหลอาบแก้มซึ่งช้ำจนเกือบจะม่วง ตากลมของจินยองมองร่างซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นจากนั้นก็ค่อยๆ หันมาสบตากับเขา ดูเหมือนว่าจินยองเองก็พูดอะไรไม่ออก จึงได้แต่เบิกตาโพลงมองเขาสลับกับ คุณอาด้วยความช็อก

“จินยอง...” มาร์ครู้สึกว่าเสียงที่เปล่งออกจากปากช่างฟังดูไม่เหมือนเสียงของเขาเองเอาเสียเลย “...ทำยังไงดี”

.
.
เขาฆ่าคนไปแล้ว...ทำยังไงดี...

จู่ๆ จินยองก็ละสายตาจากมาร์คแล้วคลานไปหาร่างที่นอนแน่นิ่งนั้น มือเรียวที่ดูสั่นเทาไม่ต่างจากมือของมาร์คตอนนี้จับตัวคุณอาแล้วเขย่าเบาๆ  ร่างนั้นไม่มีการตอบสนองใดใด จินยองเขย่าซ้ำอีก ทว่ามันมีผลเพียงแค่ทำให้เลือดทะลักออกมาจากช่องท้องที่เป็นแผลถูกแทงด้วยขวดเบียร์มากขึ้นเท่านั้น

“ค...คุณอา  คุณอาได้ยินจินยองมั้ย คุณอา...”

ยิ่งเห็นเลือดไหลออกมามากขึ้นจินยองก็ยิ่งร้องไห้ มือสั่นเทาที่ตอนนี้เปื้อนเลือดนิดหน่อยใช้สองนิ้วแตะที่จุดชีพจรตรงคอ จินยองสะอื้นฮักจนสะท้านไปทั้งตัวเมื่อไม่รู้สึกถึงสัญญาณชีวิตใดใดจากร่างที่ยังคงนอนเบิกตาโพลง

“ฮึก...คุณอา...คุณอา...ฮือ...จินยองรักคุณอา คุณอาอย่าทิ้งจินยองไป...ฮือ...”

จินยองร้องไห้ก้มลงซบอกกว้างของคนตายไปแล้ว ปากก็พร่ำบอกคำรักซ้ำๆ ราวกับแผ่นเสียงตกร่อง คำรักที่ฝ่ายนั้นบอกเจ้าของร่างไร้ลมหายใจนี้เสมอ คำรักที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันก็ยังคงเปล่งออกมาจากปากของปาร์คจินยองเพื่อให้ คุณอาฟังครั้งแล้วครั้งเล่า

...คำรักที่มาร์คไม่เคยได้รับจากจินยองเลย...

มาร์คนั่งมองจินยองร้องไห้กับศพของผู้เป็นอาโดยไม่คิดสนใจเขาซึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น จินยองไม่เคยรักเขาจริงๆ นั่นแหละ ต่อให้ถึงวันนี้ วินาทีนี้ วินาทีที่ คุณอาไม่อยู่แล้ว จินยองก็ยังรักแต่คุณอา ให้ตายอย่างไร...ใช่...ต่อให้ตายไปจริงๆ อย่างนี้ จินยองก็ยังรักคนตาย เลือกคนตายมากกว่าคนเป็นอย่างเขา ต่อให้ทำเพื่อจินยองสักแค่ไหน รักจินยองสักเท่าไหร่ มันก็ไม่มีประโยชน์

ทั้งที่รู้ว่าอย่างไรเสีย จินยองก็ไม่เลือกเขา แล้วทำไมเขาถึงต้องรักจินยองมากขนาดนี้ด้วยนะ

.
.
.
เขารักจินยองเพราะอะไร

ครั้งแรกที่โดนเพื่อนใช้ให้ไปซีร็อกซ์ใบสมัครชมรมมาวางเพิ่มที่โต๊ะ มาร์คหยุดชะงักตั้งแต่สามเมตรก่อนถึงโต๊ะรับสมัครสมาชิกด้วยซ้ำ เขาเห็นเด็กปีหนึ่งคนนั้นนั่งกรอกใบสมัครอยู่เงียบๆ  ท่าทางนิ่งสงบจนเหมือนกับสามารถสร้างกำแพงกั้นตัวเองออกจากโลกภายนอกได้ทุกเมื่อนั้นอาจจะทำให้คนอื่นรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้ แต่สำหรับมาร์ค ไม่รู้อะไรดลใจให้เขารู้สึกอยากจะยืนมองอยู่อย่างนั้นนานๆ แบบที่ว่าถ้าหากมีความสามารถหยุดเวลาได้เขาคงทำไปแล้ว

มาร์คไม่อยากเรียกความรู้สึกนั้นว่ารักแรกพบเพราะมันฟังดูนิยายไปหน่อย แต่เขาคิดว่าเพื่อนๆ ร่วมชมรมวรรณคดีภาษาอังกฤษอาจจะชอบคำพูดนิยายๆ แบบนี้ก็ได้ เอาเถอะ แม้ว่าตอนแรกมาร์คจะเข้าชมรมเพราะเพื่อนลากให้มาช่วยงาน แต่ตอนนี้เขากลับมีแรงบันดาลใจใหม่ในการเข้ามานั่งที่ห้องชมรมบ่อยๆ เสียแล้ว เด็กคนนั้น...ปาร์คจินยอง...เป็นเด็กเงียบๆ ที่น่าจะเข้าถึงยากจริงๆ นั่นละ จินยองมานั่งที่ห้องชมรมบ่อยๆ แต่มาทุกครั้งก็จะมาหามุมนั่งอ่านนิยายฝรั่งเงียบๆ ไม่สนใจใคร มาร์คพอจะรู้อยู่หรอกว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้าชมรมวรรณคดีภาษาอังกฤษเข้ามาเพราะอยากจะหาที่นั่งอ่านนิยายเงียบๆ กันทั้งนั้น แต่สำหรับจินยอง เท่าที่มาร์คมอง(อยู่เกือบตลอดเวลา)ดูเหมือนรุ่นน้องคนนี้จะปิดกั้นตัวเองมากกว่าคนทั่วไป

เขาคิดว่าถ้าชวนคุยเฉยๆ จินยองต้องไม่ค่อยเต็มใจคุยด้วยแน่ แม้เขาจะเป็นรุ่นพี่ก็เถอะ หลังจากคิดวิธีอยู่หลายวัน ในที่สุดมาร์คก็ลงทุนพิมพ์แบบสอบถามปลอมๆ ให้แนบเนียนที่สุด แล้วเอาไปให้จินยองตอนที่ไม่มีใครอยู่ในห้องชมรมนอกจากพวกเขาสองคน แบบสอบถามนั้นถามเกี่ยวกับหนังสือนิยายภาษาอังกฤษที่สมาชิกในชมรม(แน่นอนว่าจริงๆ แล้วคือแค่จินยองคนเดียว)อยากจะให้มีเพิ่มในชมรมเพื่ออ่านเพิ่มเติม หลังจากนั้น มาร์คก็ให้น้องชายที่อยู่อเมริกาซื้อนิยายที่จินยองเขียนในแบบสอบถามนั้นส่งมาให้สองเล่ม

ถามว่าทำไมต้องสองเล่ม? คำตอบคือเพื่อความแนบเนียน มาร์คเอามาไว้ที่ห้องชมรมเล่มหนึ่ง ส่วนอีกเล่มเขารอตอนที่อยู่กันสองคนกับจินยองในห้องชมรม จากนั้นก็ยื่นมันให้เจ้าตัว

“พี่ซื้อมาให้จินยอง”

“เอ๋...แต่”

“ของชมรมก็ส่วนชมรม แต่อันนี้ของส่วนตัว พี่คิดว่าจินยองคงชอบเล่มนี้ ใช่มั้ย?”

จินยองนิ่งไปสองสามวินาที ก่อนที่มือเรียวจะยื่นมารับหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขา

“ขอบคุณครับ”

แม้จะเป็นรอยยิ้มเพียงน้อยนิด แต่มาร์คไม่เคยลืมมันเลย


ตั้งแต่วันนั้นมา มาร์คก็เริ่มชวนจินยองคุยมากขึ้น จินยองเองก็ยอมคุยกับเขามากขึ้น ยิ้มมากขึ้น  เวลาจินยองมาอ่านหนังสือที่ชมรม มาร์คก็จะมานั่งหลับอยู่ข้างๆ แม้ตอนแรกๆ จะพยายามทำตัวเป็นที่ปรึกษาด้านภาษาอังกฤษให้จินยอง แต่เมื่อหลังๆ เห็นจินยองอ่านนิยายได้คล่องโดยไม่ต้องอาศัยดิกชันนารีมีชีวิตชื่อมาร์คต้วนเลยสักนิด เขาก็สารภาพกับจินยองว่าจริงๆ แล้วตัวเองไม่ได้ชอบอ่านนิยายฝรั่ง...เรียกว่าไม่ชอบอ่านหนังสือเลยจะดีกว่า จินยองหัวเราะ แล้วก็เริ่มชินกับการมีมาร์คมานั่งหลับอยู่ข้างๆ บางทีรุ่นพี่ชาวต่างชาติคนนี้ก็ทำเนียนหลับมาซบไหล่จินยองบ้าง พอจินยองรู้ทัน หัวทุยๆ ของคนไม่ชอบอ่านหนังสือก็ทิ้งดิ่งลงหนุนตักนุ่มเสียเลย

เพราะจินยองไม่เคยว่าอะไร มาร์คจึงไปไหนมาไหนในมหาวิทยาลัยกับจินยองมากขึ้น ถึงจะยังไม่ถึงขั้นออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยกัน แต่มาร์คก็เอาตัวมาใกล้ชิดจินยองยิ่งขึ้นด้วยการมารอหน้าคณะเวลาพักกลางวันเพื่อไปกินข้าวด้วยกัน ตอนที่เห็นมาร์ครออยู่หน้าคณะ จินยองดูตกใจนิดหน่อย แต่ก็แค่หันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาอะไรบางอย่างพักเดียวแล้วก็ไม่ว่าอะไร ตอนอยู่ด้วยกันในห้องชมรมสองต่อสอง บางทีมาร์คอดใจไม่ไหว ขโมยหอมแก้มนิ่มนั้นไปบ้าง จินยองก็ไม่ว่าอะไร

กระทั่งวันที่มาร์คล็อกประตูห้องชมรมแล้วดึงจินยองไปจูบ จินยองก็แค่ตกใจนิดหน่อย จากนั้นก็ไม่ว่าอะไรเหมือนเดิม

นอกจากไม่ว่าอะไร จินยองยังยอมให้จูบนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น มาร์คพาจินยองไปนั่งบนโต๊ะ มือเรียวจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ตอนที่เสื้อเชิ้ตกำลังจะถูกปลดกระดุมออก ทว่าราวกับรสจูบของมาร์คทำให้จินยองมึนเมา สุดท้ายเสื้อเชิ้ตก็หลุดจากลาดไหล่เนียนลงไปกองที่เอวจนได้

ริมฝีปากอุ่นจัดพรมจูบไปทั่วตั้งแต่คอขาวไล่ลงมาตามลาดไหล่ ทว่ากลับต้องชะงักไปเล็กน้อยเพราะสังเกตเห็นรอยจ้ำจางๆ ตรงแนวกระดูกไหปลาร้า นอกจากนี้ก็ยังมีรอยฟันที่หัวไหล่ แถมด้วยรอยช้ำค่อนข้างใหญ่ที่ต้นแขนทว่าดูเหมือนจะจางไปพอสมควรแล้ว

มาร์คถอยออกเล็กน้อย สบสายตาหวานเชื่อมของคนตัวขาวที่เพิ่งจะถูกปลุกเร้าอารมณ์ด้วยจุมพิตลึกซึ้งไปเมื่อครู่

“จินยอง...พี่ถามจริงๆ นะ จินยองมีแฟนรึยัง”

ตากลมคู่นั้นหรุบลงต่ำคล้ายคิดอะไรเล็กน้อย พอช้อนขึ้นมองเขาอีกครั้ง แววตาของจินยองก็ดูสั่นสะท้านนิดๆ และเหมือนมีความเศร้าจางๆ ปนอยู่

“ผมไม่มีแฟนครับ”

มาร์คยิ้ม จูบแตะริมฝีปากแดงเบาๆ เขาไม่รู้หรอกว่าที่จริงแล้วจินยองกำลังกลัวว่ามาร์คจะถามถึงที่มาของรอยช้ำตามตัวพวกนั้น แน่นอน...มันมีทั้งรอยช้ำและรอยที่เกิดจากกิจกรรมคล้ายคลึงกับที่พวกเขากำลังจะทำอยู่ด้วย แต่ไม่ว่ารอยไหนจินยองก็กลัวที่จะตอบคำถามพอๆ กัน

ทว่ามาร์คถามแค่เรื่องแฟน จากนั้นก็จูบ...แตะริมฝีปากเหมือนจะปลอบโยน แล้วก็ทำเรื่องที่ทำค้างเอาไว้โดยไม่ถามอะไรอีก

จินยองรู้สึกโล่งอก จากนั้นก็ดำดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ตามแต่อีกฝ่ายจะชักนำไปโดยลืมความกลัวก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น

ริมฝีปากร้อนพรมลงกลางอก ไล่เรียงลงไปเป็นแนวจนถึงหน้าท้อง สะดือ และต่ำลงไปกว่านั้น  จินยองจำได้ว่าต่ำกว่าสะดือจะมีรอยจ้ำอีกรอยซึ่งค่อนข้างจะใหม่ มาร์คเพียงแค่จูบทับรอยนั้นโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็สร้างรอยใหม่ตรงผิวเนื้อที่ต่ำกว่าจุดเดิมจนจินยองต้องครางฮือ

เขาไม่รู้ว่ารุ่นพี่ดึงกางเกงทั้งชั้นในชั้นนอกออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีเขาก็กำลังนอนราบไปกับโต๊ะ ชันขาสองข้างขึ้นและแยกกว้างอย่างน่าอายเป็นที่สุด ทว่าความอายเป็นเพียงความรู้สึกส่วนน้อยเมื่อมาร์คใช้ปากมอบความสุขให้อย่างต่อเนื่องเป็นจังหวะ

“อื้อ...พี่...มาร์ค”

จินยองแทบดิ้นเมื่อนิ้วเรียวแทรกเข้ามาจนสุด หลังจากค่อยๆ ปรับขนาดด้วยจำนวนนิ้วที่เพิ่มขึ้น มาร์คก็ดึงจินยองขึ้นมาจูบระหว่างที่ถอนนิ้วออกแล้วเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ใหญ่กว่า แม้จะอึดอัด แต่ก็ขยับอย่างไม่รีบร้อน ตลอดทางจินยองจึงไม่รู้สึกเจ็บ

“โอเคนะ ไม่เจ็บใช่ไหมจินยอง”

ว่าพลางเกลี่ยผมที่ลงมาปรกหน้าให้ จินยองพยักหน้า สองมือคล้องคออีกฝ่ายไว้เป็นหลักยึด

จินยองไม่เคยเจอเซ็กซ์ที่อ่อนโยนขนาดนี้มาก่อน เขาพอจะดูออกว่าอีกฝ่ายพร้อมเต็มที่ตั้งนานแล้ว แต่ยังอุตส่าห์รอจนกว่าเขาจะพร้อม แถมยังใจเย็นแทรกตัวเข้ามาช้าจนจินยองอึดอัดแทน

แต่จินยองก็ได้เรียนรู้ว่า เมื่อมาร์คออกตัวแล้ว ความร้อนแรงก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน

การขยับแต่ละครั้งช่างหนักหน่วง แม้จะไม่รุนแรง แต่ก็ลึกซึ้งจนจินยองหวีดร้องเสียงหลง มือที่คล้องคออีกฝ่ายเอาไว้นั้นแทบจะจิกเล็บลงไปในเนื้อผ้า ตอนนั้นเองที่จินยองตระหนักว่ามาร์คยังอยู่ในชุดที่มีเสื้อกางเกงครบทั้งตัว เพียงแค่ปลดตะขอกางเกงและรูดซิปลงเท่านั้น ขณะที่เขาไม่เสื้อผ้าบนตัวสักชิ้นเดียว

มาร์คต้วนก็ร้ายกาจไม่เบานะเนี่ย!

“อื้อ...พี่มาร์ค”

“เรียกอี้เอินได้ไหม พี่อี้เอิน”

“พี่อี้เอิน...พี่อี้เอิน...อื้อ...”

จินยองว่าตามอย่างเด็กหัวอ่อน ตอนนี้ต่อให้ต้วนอี้เอินพาเขาขึ้นสวรรค์หรือลงนรกจินยองก็ไม่แคร์ทั้งนั้น สมองคอยสั่งแต่ว่าอยากจะได้รสสัมผัสของผู้ชายคนนี้อีกครั้ง...อีกครั้ง...

ทั้งคู่เกร็งตัวครั้งสุดท้าย จินยองรู้สึกอุ่นวาบข้างในพร้อมๆ กับที่ตัวเองปลดปล่อยออกมาเลอะเสื้อของมาร์ค ตากลมมองผลงานของตัวเองแล้วก็ยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็เอื้อมไปหยิบทิชชู่ที่ยังอยู่บนโต๊ะไม่โดนปัดตกลงไปเหมือนหนังสือนิยายเคราะห์ร้ายสองสามเล่มบนพื้นนั่น

“เลอะหมดเลย”

ว่าพลางเช็ดคราบที่อยู่บนเสื้อเชิ้ตอีกฝ่ายคร่าวๆ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองสบตาคม

ทั้งสองหอบหายใจด้วยความเหนื่อย แม้จะจบไปแล้ว แต่จินยองก็ยังไม่เดือดร้อนหากพวกเขาจะยังกอดกันในท่าอันตรายนี้ต่อ นั่นก็เพราะ...

“พี่จะรับได้หรือเปล่า ถ้าหากผมบอกว่าผมเป็นโรคติดเซ็กซ์ ถ้าเริ่มแล้ว...คงต้องทำต่อไปไม่ต่ำกว่าสองรอบนะครับ”

“พูดจริงๆ เหรอ”

“ครับ”

“งั้นก็ทำสิ ทำไมพี่จะรับไม่ได้ล่ะ”

.
.
ใช่ จินยองเป็นโรคติดเซ็กซ์ ... เขาไม่ได้พูดเล่นเสียด้วยสิ

มาร์คถอนตัวออก จินยองดันให้ฝ่ายนั้นนั่งบนโต๊ะบ้าง เขาจัดการถอดเสื้อผ้าที่ยังอยู่ครบชุดออกให้เท่าเทียมกันคือไม่เหลืออะไรเลย จากนั้นก็เริ่มต้นปรนนิบัติอีกฝ่าย

เหมือนที่ใครบางคนสอนเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว...

.
.
.

“อืม...ดี อย่างนั้นแหละจินยอง”

“อุก...แค่กๆๆ”

“โอ๊ะ อาขอโทษนะ เผลอขยับตามไปด้วย จินยองไม่เป็นไรใช่มั้ย”

มือใหญ่ลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู เด็กชายปาร์คจินยองวัยสิบขวบรีบส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร เพื่อให้เป็นที่รักของคุณอา แค่นี้จินยองทำได้สบายมาก

“ก็เพราะว่าจินยองทำเก่งเกินไปจนอาเผลอน่ะสิ”

ฟังแล้วจินยองก็ยิ้ม ถึงตอนนั้นจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าคุณอาจะให้อมๆ เลียๆ แท่งเนื้อใหญ่ๆ นี่ทำไม แต่เพราะคุณอาบอกว่าทำแล้วจะเป็นเด็กดี ทำแล้วคุณอาจะยิ่งรักมาก เพราะอย่างนั้นจินยองถึงได้ทำตาม

ก็จินยองรักคุณอานี่นา

“อา...พอแล้วละจินยอง ไหนมาให้รางวัลหน่อยซิเด็กดี”

คุณอาในวัยเพียงแค่ยี่สิบห้าปีดึงให้จินยองยืนขึ้นแล้วก็จูบ เด็กชายจูบกับคุณอาหลายครั้งแล้วจึงค่อนข้างชำนาญ แต่ไม่ว่าจะชำนาญสักเท่าไหร่ จินยองก็ยังรู้สึกเขินอยู่ดี

“อืม...จินยองอย่าหนีบขาเอาไว้สิ อาถอดกางเกงไม่ได้นะ”

ชายหนุ่มละจากจูบมาออกคำสั่ง จินยองทำหน้าไม่เข้าใจ ขาเล็กๆ ยังไม่ยอมแยกจากกัน ทำให้มือใหญ่ฟาดลงมาที่ก้นทันที

“บอกว่าอย่าหนีบขา จินยอง ทำตามที่อาสั่งสิ”

เด็กน้อยเบ้หน้าเพราะเจ็บที่โดนตี แต่ก็ยังถามผู้ใหญ่อย่างใจเย็น

“ถอดกางเกงจินยองทำไมครับคุณอา”

“อย่าถามมากน่า ... จินยอง  ไม่รักอาแล้วเหรอ  หืม?”

“รักครับ จินยองรักคุณอา”

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเด็กดี ถอดกางเกงซะ ให้อา รักเราให้เต็มที่ โอเคมั้ย”

เด็กชายปาร์คจินยองพยักหน้า เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองเข้าใจคำว่า รักที่คุณอาเน้นในประโยคเมื่อครู่ผิดเพี้ยนไปมากเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ถูกจับให้หันหลัง คุณอาครางต่ำในลำคอ ตอนที่แทรกอะไรบางอย่างเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนก่อนหน้านี้คุณอาจะทาอะไรบางอย่างให้การสอดแทรกไม่ฝืดจนเกินไปนัก ถึงอย่างนั้น...จินยองก็เจ็บจนน้ำตาไหล

“คุณอา...จินยองเจ็บ...ฮึก...คุณอาเอาออกไปได้มั้ย”

“เจ็บนิดเดียวน่า ...อืม...อาทำแบบนี้แล้ว...รู้สึกรักจินยองมากขึ้นเยอะเลยนะ รู้หรือเปล่า...จินยองน่ารักมาก”

“ฮึก...ฮือ...แต่ว่าจินยองเจ็บ...”

“ทนเจ็บหน่อยนะจินยอง”

คุณอาถอนอะไรบางอย่างนั้นออกไป จากนั้นก็จับจินยองนอนบนเตียง จ่อแท่งเนื้อที่ให้จินยองอมเมื่อกี้เข้ากับช่องทางด้านหลังของเด็กน้อยซึ่งฉีกขาดจนเลือดไหลเต็มไปหมด แต่คุณอาก็ยังคงใส่มันเข้ามารวดเดียว เด็กน้อยกัดริมฝีปากจนเลือดซิบ รู้สึกว่ายิ่งมองเห็นกับตาอย่างนี้ยิ่งทำให้เจ็บเข้าไปอีก ยิ่งคุณอาโถมตัวย้ำลงมาเร็วๆ ก็ยิ่งเจ็บจนระบมไปหมด

“นี่เป็น...วิธีแสดงความรักของอา  ทำอย่างนี้แปลว่า...อารักจินยอง  อารักจินยองนะ”

จินยองไม่ประท้วงอีกต่อไปแล้ว เขายอมให้คุณอาทำเจ็บๆ ทุกครั้งที่คุณอาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นตอนกลับมาจากโรงเรียน ตอนคุณอาเรียกไปอาบน้ำด้วยกัน หรือแม้จะเป็นตอนที่จินยองถูกปลุกขึ้นมากลางดึก เหตุผลเดียวก็คือเพราะทุกครั้ง คุณอาจะบอกว่า รักจินยอง

เพราะจินยองรักคุณอา และอยากให้คุณอารัก รักให้มากๆ

.
.
ย้อนกลับไปคิดดูแล้ว นั่นมันเป็นการข่มขืนชัดๆ

จินยองหลับตาพริ้มยามที่มาร์คค่อยๆ สอดแทรกกายเข้ามาอย่างนุ่มนวล เทียบกันแล้วเซ็กซ์ของมาร์คนุ่มนวลและอ่อนโยนกว่าเซ็กซ์ของคุณอามาก แต่จินยองชินกับรสสัมผัสของคุณอาเสียแล้ว ตอนเด็กๆ เขาอาจจะยังเด็กเกินกว่าจะมีอารมณ์ทางเพศ แต่เมื่อโตขึ้น แม้คุณอาจะยังรุนแรงไม่เปลี่ยน แต่จินยองก็สุขสมไปพร้อมกับคุณอา แบบนี้เขาเรียกว่า...มาโซคิส ใช่ไหมนะ...

คุณอาทำให้จินยองเป็นมาโซ...และทำให้จินยองขาดเซ็กซ์ไม่ได้...

ถึงอย่างนั้นจินยองก็ชอบเซ็กซ์ที่นุ่มนวลของพี่อี้เอินไม่แพ้กัน

แม้เขาจะไม่ได้มีเซ็กซ์กับพี่อี้เอินเพราะต้องการความรักเหมือนที่ต้องการจากคุณอาก็ตาม

จินยองลากลิ้นไปมาเล่นๆ บนอกของมาร์คระหว่างที่มือลูบไล้ส่วนกลางลำตัวไปเรื่อยๆ แม้จะเป็นรอบที่สี่แล้ว แต่มาร์คก็ยังตอบสนองการปลุกอารมณ์ได้อย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย จินยองดูดดุนส่วนนั้นอย่างคล่องแคล่ว ทำเอาอีกฝ่ายครางต่ำในลำคอไม่หยุด พอทำจนได้ที่แล้วก็ค่อยๆ ปีนขึ้นไปคร่อมตัวอีกฝ่ายก่อนจะกดให้ส่วนนั้นจมหายเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อน

มาร์คยิ้ม อดบิดจมูกจินยองด้วยความหมั่นเขี้ยวไม่ได้ แม้จะยังไม่ค่อยแน่ใจว่าทำไมคนเงียบขรึมอย่างจินยองถึงได้กลายเป็นคนเจนโลกเวลาทำกิจกรรมแบบนี้ก็เถอะ

จินยองยิ้มมุมปาก ดูราวกับเป็นคนละคนเวลานั่งอ่านหนังสืออยู่มุมห้อง มือเรียวใช้หน้าท้องของอีกฝ่ายเป็นที่ค้ำ ก่อนจะลุกขึ้นให้ส่วนที่เชื่อมต่อเกือบหลุดแล้วกระแทกกายนั่งลง ยิ่งรุนแรง ส่วนที่แทรกลึกลงไปก็ยิ่งไปกระตุ้นโดนจุดที่ทำให้ครึมครางออกมาไม่หยุด จังหวะที่จินยองเป็นฝ่ายควบคุมนั้นเร้าใจจนคนนอนเอนสบายๆ เริ่มอยู่ไม่สุข ในที่สุดก็ต้องโน้มใบหน้าหวานลงมาจูบ ก่อนจะช่วยเร่งสปีดต่ออีกนิดเมื่อจินยองไปถึงฝั่งฝันก่อน

พวกเขาไม่รู้เลยว่า กิจกรรมมาราธอนในห้องชมรมครั้งนี้ จะทำให้เกิดเรื่องขึ้นจนได้

.
.

ก่อนจะออกจากห้อง มาร์คกับจินยองผลัดกันเช็กความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมและข้าวของต่างๆ ในห้องชมรม เมื่อพบว่าทุกอย่างน่าจะไม่ทำให้ใครสงสัยแล้วพวกเขาก็เดินออกมา จินยองเดินออกมาก่อน หลังจากนั้นอึดใจเดียวมาร์คก็ค่อยตามออกมา กะว่าออกไปแล้วค่อยวิ่งตามจินยองเพื่อเดินไปป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยด้วยกันก็คงจะทัน

ทว่าเดินยิ้มออกมาได้แค่หน้าตึกเท่านั้นมาร์คก็เห็นแผ่นหลังบางของจินยองอยู่ไม่ไกล จินยองหยุดยืนนิ่งเหมือนกำลังตกใจอะไรบางอย่าง

“มีอะไรเหรอจินยอง”

รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาของคนที่วิ่งมาสมทบจืดเจื่อนไปเมื่อเห็นสีหน้าของปาร์คจินยองซึ่งยังคงยืนเบิกตาโพลงอยู่ตรงนั้น เขามองตามไป และเห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งลงจากรถ ประตูถูกปิดด้วยแรงอารมณ์ดังลั่นจนนักศึกษาแถวนั้นหันมามอง ผู้ชายคนนั้นย่างสามขุมมาหาจินยอง ดูเหมือนว่ายิ่งเห็นเขาเรียกจินยองอย่างสนิทสนม อารมณ์โกรธของผู้ชายคนนั้นก็ยิ่งพุ่งสูงจนเหมือนจะระเบิดออกมาได้ทุกวินาที

ข้อมือบางที่เพิ่งจะยกขึ้นคล้องคอเขาก่อนหน้านี้ถูกมือใหญ่ของผู้มาใหม่กระชากอย่างไม่ออมแรง จินยองหน้าเบ้ ทว่ากลับไม่ประท้วงสักแอะ มีแต่จะส่งสายตาหวาดกลัวปนรู้สึกผิดกลับไปให้

“จินยอง กลับไปกับอาเดี๋ยวนี้!

“คุณอา...ฟังจินยองอธิบายก่อนนะครับ คุณอา...”

“ไปคุยที่บ้าน”

น้ำเสียงห้วนตัดบทตั้งแต่จินยองยังไม่ได้เริ่มพูดอะไรทั้งนั้น คนที่จินยองเรียกว่าคุณอาตวัดสายตามามองมาร์คแวบหนึ่ง มาร์ครู้สึกคล้ายถูกเข็มแหลมแห่งความไม่ประสงค์ดีจากผู้ชายคนนั้นพุ่งเข้าใส่อย่างไรก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจและตงิดนิดๆ ก็คือ...ตั้งแต่ คุณอาปรากฏตัวขึ้นจนกระทั่งลากจินยองเหวี่ยงขึ้นรถไป จินยองไม่หันกลับมามองเขาแม้แต่นิดเดียว

มาร์ครู้สึก...ใจคอไม่ดี


จินยองหยุดเรียนไปหลายวัน พอมาเรียนก็กลับมานั่งที่ห้องชมรม ท่าทางกระวนกระวาย  พอเห็นมาร์คจินยองก็เดินไปล็อกห้อง จากนั้นก็ดึงมาร์คเข้าไปจูบ

หลังจากจูบอันเนิ่นนานนั้น จินยองก็มองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน มาร์คสังเกตว่าแก้มเนียนที่เอามือของเขาไปแนบเอาไว้นั้นมีรอยฟกช้ำจางๆ ปรากฏให้เห็น

“พี่มาร์ค...พี่อี้เอิน ช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหมครับ”

.
.
“ไม่ว่าพี่จะเห็นอะไรบนตัวผม อย่าถาม...แต่ช่วยรักผม  รักผมอย่างอ่อนโยนที่สุด ได้ไหมครับ”

มาร์คตอบคำขอร้องนั้นด้วยจุมพิตที่ลึกซึ้งกว่าเดิม

เขาไม่ถามอะไรทั้งนั้นตามที่อีกฝ่ายขอร้อง ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะเห็นรอยช้ำตามตัวหลายแห่งดูจนน่ากลัวและทำให้คาใจมากก็ตาม ทว่าภาพที่จินยองดูเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของเขามันทำให้มาร์คทำลายความสุขนี้ไม่ลง เขาทำทุกอย่างอย่างอ่อนโยนที่สุดตามที่จินยองขอร้อง เขาทำราวกับว่าจินยองคือตุ๊กตากระเบื้องที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต

“จินยอง...พี่...รักจินยองนะ”

จินยองปรือตามองสบตาคนที่เพิ่งจะบอกรักให้ได้ยิน แม้ความสุขสมจากกิจกรรมที่ทำอยู่จะเอ่อล้นสักเพียงใด แต่ความเศร้าในตาคู่นั้นก็ยังชัดเจน มันเป็นความเศร้าปนกับความรู้สึกผิดที่มาร์คมักจะเห็นจากดวงตาคู่นี้เสมอ

เรียวปากสีสดยกยิ้มน้อยๆ มาร์ครู้คำตอบตั้งแต่จินยองยังไม่พูดออกมาด้วยซ้ำ

“ไม่เป็นไร ถ้าจินยองยังไม่มั่นใจไม่ต้องพูดก็ได้ เอาไว้จินยองมั่นใจเมื่อไหร่ จินยองค่อยตอบพี่นะ”

จริงๆ แล้ว ...มาร์คก็คิดว่าเขาพอจะรู้...รู้ว่ามันจะไม่มีวันนั้น


สองสามวันต่อมาเขาเห็นผู้ชายวัยกลางคนคนนั้นมารับจินยองอีกครั้ง แม้ว่ามาร์คจะรู้สึกไม่ค่อยดีที่ทำแบบนี้ แต่เขาคิดว่าตัวเองควรจะพิสูจน์อะไรบางอย่างให้แน่ใจเพื่อจะได้ไม่กลายเป็นการคิดไปเอง  หรือไม่อีกที...มาร์คคิดว่าเขาต้องการพิสูจน์เรื่องนี้เพื่อให้ตัวเองตัดใจจากจินยองเสีย แม้ว่าเพิ่งจะทุ่มความรักให้ไปทั้งหมดก็ตาม

มาร์คตามรถของ คุณอาไปจนถึงอพาร์ทเมนต์ขนาดกลางแห่งหนึ่ง

อพาร์ทเมนต์นี้มีระบบรักษาความปลอดภัยค่อนข้างหละหลวมเพราะไม่ใช่ที่ที่แพงอะไรนัก เท่าที่มาร์คสังเกต คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็คือชนชั้นกลางธรรมดา เขาแอบย่องตามสองคนนั้นไปห่างๆ ขณะขึ้นมาถึงชั้นห้าและกำลังไม่รู้ว่าจะตามต่ออย่างไรเพราะมองไม่เห็นว่าจินยองกับคุณอาเข้าไปที่ห้องไหน เสียงโครมจากห้องใกล้ๆ กันก็ดึงความสนใจของมาร์คได้เป็นอย่างดี

“โอ๊ย...”

เสียงร้องนี้เป็นเสียงจินยองแน่ๆ มาร์คขยับเข้าไปใกล้ห้องที่เป็นต้นเสียง ประตูหน้าห้องเปิดแง้มเอาไว้ ทำให้เห็นร่างซึ่งกำลังนั่งขดอยู่ที่มุมหนึ่ง

จินยองกำลังนั่งตัวงอ จับแขนที่คงจะไปกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างทำให้เกิดเสียงโครมเมื่อครู่

“ต้องให้บอกกี่ครั้งกี่หนว่าแกเป็นของฉัน! ต้องให้ตีกี่ทีถึงจะหลาบจำ หึ...เพื่อนเหรอ คิดว่าฉันไม่รู้รึไง!

คนที่จินยองเรียกว่าคุณอาเตะจินยองซึ่งยังคงนั่งร้องไห้อยู่มุมห้องครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ปราณี มาร์คแทบจะกลั้นหายใจ เขารู้แล้วว่ารอยฟกช้ำตามตัวจินยองมาจากไหน

“แค่นี้มันยังไม่พอหรอก ลุกขึ้นมา!

มือใหญ่กระชากคอเสื้อจินยองอย่างแรงจนร่างบางลอยหวือ จินยองถูกเหวี่ยงไปอีกมุมหนึ่งของห้องซึ่งมาร์คไม่เห็น แต่ฟังจากเสียงแล้วน่าจะเป็นฟูกที่ไม่นุ่มนัก

ภาพสุดท้ายที่มาร์คเห็นก่อนที่ผู้ชายตัวสูงใหญ่คนนั้นจะเดินพ้นกรอบประตูไปก็คือมือซึ่งกำลังปลดเข็มขัดและกางเกงของตัวเองด้วยอารมณ์โกรธ ก่อนจะได้ยินเสียงจินยองร้องดังลั่นเจือเสียงสะอื้น ทว่านั่นยังไม่ใช่เสียงที่ทำให้มาร์ครู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบเท่ากับเสียงต่อจากนั้น

“ฮือ...คุณอาอย่าทำจินยองแรงๆ เลย...จินยอง...จินยองรักคุณอา...คนเดียว ฮึก...จริงๆ นะครับ”


.
.

มาร์คไม่รู้ว่าวันนั้นตัวเองออกมาจากอพาร์ตเมนต์นั้นได้อย่างไร และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแอบตามไปทุกครั้งที่เห็นจินยองไปกับ คุณอาส่วนใหญ่ผู้ชายคนนั้นจะมาลากจินยองถึงมหาวิทยาลัยด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ตอนแรกมาร์คก็คิดว่าเพราะคุณอารู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจินยอง แต่หลังๆ มันก็ไม่ใช่แบบนั้น เพราะเพียงแค่จินยองนั่งทำรายงานอยู่กับเพื่อนที่คณะก็ยังเป็นสาเหตุของความโกรธจนกระทั่งนำไปสู่การเจ็บตัวของจินยองได้ทุกที

เขารู้...เพราะตามไปทุกครั้ง และได้ยิน...หรือบางทีก็ได้เห็นการทำร้ายร่างกายด้วยการลงไม้ลงมือ และการทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดด่าทอนั่นทุกครั้ง

และทุกครั้ง จินยองก็ยังย้ำว่ารักแค่คุณอาคนเดียว

เขาฟังแล้วอึดอัดชะมัด


ครั้งสุดท้ายที่ฟังสองคนนั้นทะเลาะกัน จินยองเริ่มตอบโต้ด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นเพราะคราวนี้ฝ่ายคุณอาดันไปเที่ยวออฟเด็กผู้ชายข้างนอก เรื่องนี้จินยองเคยทำหน้าซึมตอนอยู่ที่ชมรมแล้วก็ถามเขาขึ้นมาลอยๆ ว่า การที่ผู้ชายคนหนึ่งไปหาเศษหาเลยกับคนหากินมันหมายความว่าเขาไม่รักคนที่รอเขาอยู่ที่บ้านแล้วหรือเปล่า

แต่ตอนหลังมาร์คเพิ่งรู้ว่าเรื่องมันมีมากกว่านั้น...เพราะคุณอาติดโรค และทำให้จินยองติดไปด้วย

ถึงอย่างนั้น จินยองก็ยังรักผู้ชายคนนี้อย่างนั้นหรือ...

ความเจ็บปวดและอึดอัดทำให้มาร์คคิดว่าบางที...ถ้าหากไม่มีผู้ชายคนนั้นจินยองก็คงไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องเจ็บปวดใจ ไม่ต้องพูดคำว่ารักทั้งที่คนที่รักกำลังทำร้ายตัวเองอยู่

บางที...

...บางทีเขาอาจจะเป็นคนทำให้จินยองหลุดพ้นจากความทรมาน เพียงแค่เขาลงมือทำอะไรสักอย่าง

...หรือบางที...

ความคิดหนึ่งวูบขึ้นมาในหัว เขาคิดว่าเขาไม่ได้กำลังช่วยให้จินยองหลุดจากวังวนของคนแย่ๆ หรอก แต่สิ่งที่เขาจะทำมันคือการสนองความต้องการของตัวเขาเองต่างหาก

ก็แค่เอาคนคนนี้ออกไปซะ

เพราะอย่างนั้น มาร์คจึงคว้าขวดเบียร์เปล่าที่วางอยู่ข้างประตู และปล่อยให้อารมณ์นำพาเขาไปสู่การกระทำที่ไม่อาจถอยหลังกลับได้อีก
.
.
.

“ฮึก...คุณอา...คุณอา...ฮือ...จินยองรักคุณอา คุณอาอย่าทิ้งจินยองไป...ฮือ...”

จินยองร้องไห้ก้มลงซบอกกว้างของคนตายไปแล้ว ปากก็พร่ำบอกคำรักซ้ำๆ ราวกับแผ่นเสียงตกร่อง คำรักที่ฝ่ายนั้นบอกเจ้าของร่างไร้ลมหายใจนี้เสมอ คำรักที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันก็ยังคงเปล่งออกมาจากปากของปาร์คจินยองเพื่อให้ คุณอาฟังครั้งแล้วครั้งเล่า

...คำรักที่มาร์คไม่เคยได้รับจากจินยองเลย...

มาร์คนั่งมองจินยองร้องไห้กับศพของผู้เป็นอาโดยไม่คิดสนใจเขาซึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น จินยองไม่เคยรักเขาจริงๆ นั่นแหละ ต่อให้ถึงวันนี้ วินาทีนี้ วินาทีที่ คุณอาไม่อยู่แล้ว จินยองก็ยังรักแต่คุณอา ให้ตายอย่างไร...ใช่...ต่อให้ตายไปจริงๆ อย่างนี้ จินยองก็ยังรักคนตาย เลือกคนตายมากกว่าคนเป็นอย่างเขา ต่อให้ทำเพื่อจินยองสักแค่ไหน รักจินยองสักเท่าไหร่ มันก็ไม่มีประโยชน์

ทั้งที่รู้ว่าอย่างไรเสีย จินยองก็ไม่เลือกเขา แล้วทำไมเขาถึงต้องรักจินยองมากขนาดนี้ด้วยนะ
.
.
ทุกสิ่งที่เขาทำไป มันเปล่าประโยชน์ จินยองไม่เลือกมาร์ค ทั้งที่มาร์คต้องการจินยองมากเหลือเกิน

มือสั่นเทาเอื้อมไปหยิบเศษขวดที่บัดนี้กลายเป็นเพียงเศษแก้วชุ่มเลือดชิ้นใหญ่ๆ แม้จะลื่นและมือก็ยังสั่น แต่มาร์คก็จ่อมันเข้ากับข้อมือด้านในของตัวเองได้อย่างแม่นยำ ทว่าเพียงแค่กดลงไปเท่านั้น เศษแก้วก็ถูกใครอีกคนมาดึงไปจากมือและเขวี้ยงไปอยู่อีกมุมห้อง

“พี่มาร์คจะตายไปแบบนี้ไม่ได้นะ!

จินยองจ้องเขาด้วยสายตาโกรธปนเสียใจ น้ำตายังคงไหลอาบแก้มไม่หยุด ความโกรธที่อยู่ในดวงตาคู่นั้นเหมือนมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบหัวใจของมาร์คอย่างแรง ...นั่นสินะ คนที่ฆ่าคนอื่น คงจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตายง่ายๆ หรอก

โดยเฉพาะฆาตกรที่ฆ่าคนที่จินยองรักที่สุด...

“จินยอง...”

บางที...ถ้าหากว่าเขาลองขอร้องดูอีกสักครั้ง

“จินยอง...จินยองไปกับพี่ได้มั้ย  ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว ไม่มีใครว่าอะไรจินยองได้อีกต่อไปแล้ว เพราะงั้น...ไปกับพี่นะจินยอง นะ...”

จินยองก้มหน้า มาร์คเห็นน้ำตาจากดวงตาคู่สวยนั้นหยดลงพื้น

“จินยองเป็นอิสระแล้วนะ เพราะฉะนั้น...ไปกับพี่เถอะ...นะจินยอง”

“ฮึก...”

จินยองสะอื้น คนตรงหน้าเขาร้องไห้อย่างหนัก  มาร์คเฝ้ารอคำตอบของจินยองด้วยใจหวาดกลัว

สุดท้าย...จินยองก็ส่ายหน้า


มาร์ครู้สึกเหมือนก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นแผ่วเบาจนแทบจะหยุด ที่จริงเขารู้แล้วว่าจินยองไม่มีทางเลือกฆาตกรที่ฆ่าคุณอาสุดที่รัก แม้จะรู้ว่าเดิมพันครั้งนี้คงทำให้เขาเจ็บปวดแสนสาหัส แต่มาร์คก็เลือกจะขอร้องคนที่เขารักดูอีกสักครั้ง  แน่นอน สุดท้ายแล้วผลมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด ไม่ก็คือไม่...แม้ว่าเขาจะต้องการจินยองมากแค่ไหนก็ตาม

“พี่...ไปเสียเถอะครับ”

มาร์คเงยหน้าขึ้นมอง จินยองยังคงก้มหน้ามองพื้น

“ถ้าพี่ยังอยู่...ผมก็ลืมไม่ได้หรอกว่าพี่...ฆ่าคุณอา”

สุดท้ายแล้วจินยองก็ไม่รักเขาจริงๆ นั่นแหละ

มาร์คค่อยๆ ลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก แข้งขาที่อ่อนแรงเพราะอาการช็อกเมื่อครู่ดีขึ้นมากแล้ว เขามองคนที่ยังคงนั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้นเป็นครั้งสุดท้าย จนแล้วจนรอดจินยองก็ยังไม่ยอมเงยหน้า มาร์คยิ้มเศร้าให้ตัวเองก่อนจะหันหลังกลับ เดินออกไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ

ถ้าพี่ยังอยู่ ผมก็ลืมไม่ได้หรอกว่าพี่...ฆ่าคุณอา

.
.
จินยองคงไม่รู้...ถ้าพี่ไม่มีจินยอง พี่ก็อยู่ไม่ได้อยู่ดีนั่นละ


จินยองรอให้ร่างโปร่งเดินลับหายไปจากสายตา กระทั่งแน่ใจแล้วว่ามาร์คจะไม่กลับเข้ามาอีก เขาจึงหันกลับไปสนใจร่างไร้ลมหายใจของผู้เป็นอา มือเรียวค่อยๆ ปิดตาให้คนตายอย่างอ่อนโยน ลูบแก้มสากอย่างรักใคร่ นาทีต่อมาก็ค่อยๆ เอาเลือดที่ทะลักออกมาจากแผลที่ท้องมาป้ายเสื้อตัวเองให้ชุ่ม ทั้งยังป้ายสองมือให้เหมือนกับที่มันเลอะเต็มสองมือของมาร์คเมื่อครู่นี้ ก่อนจะรีบควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง กดโทรออกไปที่หมายเลขโทรศัพท์หนึ่ง

“สถานีตำรวจใช่ไหมครับ...ผม...ผมเพิ่งฆ่าคนตาย...”

กรี๊ดดด...

เสียงกรีดร้องของใครสักคนในอพาร์ตเมนต์ทำให้เขาหยุดชะงัก จินยองเงี่ยหูฟังเสียงโหวกเหวกที่เริ่มต้นขึ้น คนหลายคนตะโกนถามว่าเกิดอะไรขึ้น อีกหลายคนส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ เสียงพูดคุยที่ชัดที่สุดเป็นของคนที่เช่าห้องอยู่ชั้นห้าเหมือนกับเขา

มีคนโดดตึก!’
เห็นบางคนบอกว่าเห็นเดินจากชั้นห้านี่ขึ้นไปโดดลงมาจากชั้นบนสุดแน่ะ
ยังหนุ่มยังแน่นไม่น่าคิดสั้นเลย

จินยองรู้สึกเหมือนเลือดในกายจับตัวเป็นน้ำแข็ง เขาได้ยินเสียงคุณตำรวจแว่วมาในโทรศัพท์ ทว่ากลับพูดไม่ออก 

เสียงรถพยาบาลและรถตำรวจคล้ายแว่วมากับสายลมจากที่ไกลแสนไกล...





..........................The End..............................